วิธีเลือกฝ้าเพดาน ให้เหมาะกับบ้านของคุณ

ถ้าพูดถึงคำว่าบ้านแล้วสิ่งที่หลายคนมักจะคิดถึงเลยก็คือ ห้องต่าง ๆ เฟอร์นิเจอร์ แต่น้อยครั้งครับที่เราจะนึกถึงหรือพูดถึงฝ้าเพดาน ทั้ง ๆ ที่ฝ้าเพดานเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมากในการสร้างบ้าน ลองคิดดูสิครับ ถ้าทุกวันนี้ที่คุณอยู่ในบ้าน เงยหน้าขึ้นไป แล้วมองเห็นแต่สิ่งที่ไม่ค่อยสวยงามคุณจะรู้สึกยังไงกับบ้านครับ นั่นแหละครับคือความสำคัญของฝ้าเพดาน

ฝ้าเพดานคืออะไร?

ถ้าจะอธิบายแบบภาษาคนให้เข้าใจง่าย ๆ เมื่อคุณเดินเข้าไปในบ้านหรือเดินเข้าไปในอาคาร แล้วเงยหน้าขึ้น สิ่งที่คุณมองเห็นนั่นแหละครับคือฝ้าเพดาน แม้แต่อาคารที่ไม่มีฝ้าเพดานแต่ใช้ตัวโครงสร้างเป็นฝ้าเพดาน นั่นก็เรียกว่าเป็นฝ้าเพดานเหมือนกัน หรือที่หลายคนมักจะเรียกว่าฝ้าเปลือย ซึ่งเป็นการตกแต่งสถาปัตยกรรมแบบใหม่ที่เรียกว่าสไตล์ลอฟท์

ฝ้าเพดาน
 

แล้วถามว่าจะไม่ติดฝ้าเพดานได้ไหม บ้านทุกหลังจะใช้ฝ้าไปเลยได้หรือเปล่า คำตอบคือได้ครับ แต่มีข้อแม้ที่ว่า เพดานของคุณจะต้องถูกออกแบบมาอย่างดี การเดินสายไฟ การเดินท่อต่าง ๆ จะต้องสวยงาม ซึ่งแน่นอนว่าค่าใช้จ่ายก็อาจจะสูงตามไปด้วย ตรงนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัย 2 อย่างคือเรื่องเงินทุนและรสนิยมความชอบของผู้อยู่อาศัย ซึ่งคุณสามารถเลือกได้ตามความเหมาะสมเลยครับ

เลือกฝ้าเพดานยังไงดี? ให้เหมาะกับการใช้งานจริง

ในเรื่องของการเลือกฝ้าเพดาน โดยทั่วไปการติดฝ้าเพดานมักจะใช้แผ่นยิปซั่มในการติด หรือที่เรียกว่า “แผ่นฝ้ายิปซั่ม” เนื่องจากแผ่นฝ้ายิปซั่มเป็นวัสดุที่มีน้ำหนักเบา ทำงานสะดวก ตัดและปิดรอยต่อง่าย ขึ้นรูปง่ายและเก็บงานง่าย ทำให้สะดวกต่อการทำงาน จึงทำให้แทบทุกบ้านเลือกใช้แผ่นยิปซั่มในการทำฝ้าเพดาน

ฝ้าเพดาน

วิธีการเลือกแผ่นฝ้ายิปซั่มให้เหมาะกับการใช้งานมีดังนี้

1. แผ่นฝ้ายิปแบบซั่มมาตรฐาน

มีลักษณะเป็นแผ่นเรียบเนียนสวยงาม เหมาะกับการติดตั้งในห้องต่างๆทั่วไป เช่นห้องนั่งเล่น ห้องทำงาน ห้องทานอาหาร เป็นต้น แผ่นฝ้าชนิดนี้เนื่องจากมีลักษณะเนียนเรียบ ทำให้เมื่อติดตั้งออกมาแล้วดูสวยงาม เหมาะกับห้องที่จะมีการรับแขก ห้องนั่งเล่น ห้องทำงาน หรือมีการใช้งานบ่อยครั้ง

2. แผ่นฝ้ายิปซั่มแบบฮีทบล็อค

เป็นแผ่นฝ้ายิปซั่มที่มีความสามารถในการป้องกันและสะท้อนความร้อน เพราะมีการเคลือบฟอยล์ป้องกันความร้อนเอาไว้ด้านนอก แผ่นฝ้าชนิดนี้เหมาะกับการติดตั้ง ในชั้น 2 หรือห้องนอน เป็นห้องหรือชั้นที่จะได้รับผลกระทบจากแสงแดดโดยตรง การป้องกันความร้อนจึงเป็นเรื่องที่จำเป็นและสำคัญ

3. แผ่นฝ้ายิปซั่มมอยส์บล็อก

เป็นแผ่นฝ้ายิปซั่มที่มีความสามารถในการทนต่อชื้นมากกว่าแผ่นยิปซั่มทั่ว ๆ ไป แผ่นฝ้าชนิดนี้จึงเหมาะจะติดในบริเวณที่อาจมีความชื้น ซึ่งจุดหลัก ๆ ก็จะเป็นห้องน้ำหรืออาจมีห้องครัวด้วย เนื่องจากห้องครัวก็มีความเป็นไปได้ว่าจะมีความชื้นจากการทำอาหาร การติดตั้งแผ่นฝ้าชนิดนี้ในห้องดังกล่าวจะทำให้อายุการใช้งานฝ้าเพิ่มขึ้นไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย ๆ และยังดูสวยงาม

ฝ้าเพดาน

นอกจากการติดตั้งฝ้าสิ่งนี้คืออีก 1 สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึง ซึ่งนั่นก็คือช่องเซอร์วิส

ถ้าสังเกตให้ดี จะพบว่าบนฝ้าเพดานจะมีช่องสี่เหลี่ยมเล็กๆที่สามารถเปิดออกมาได้ นั้นจะเป็นช่องสำหรับขึ้นไปแก้ปัญหาต่างๆบนฝ้าเพดานอาจจะเป็นการเซอร์วิสสายไฟ เช็คดูปัญหาน้ำรั่วบนหลังคาต่างๆ ซึ่งช่องเซอร์วิสก็มีด้วยกัน 2 ประเภทคือแบบมาตรฐานและแบบทนความชื้น ซึ่งทั้งสองก็สามารถเลือกใช้ได้ตามลักษณะของห้องคือพื้นที่ที่เราจะนำไปติด

สุดท้ายบอกว่าบทความนี้จะช่วยคุณ ในการเลือกติดตั้งฝ้าเพดานได้มากขึ้น เพราะฝ้าเพดานเป็นอีกหนึ่งในจุดที่เราจะมองเห็นได้ตลอดเวลาในบ้าน และยังเป็นจุดสำคัญที่ช่วยให้คุณอยู่ในบ้านได้อย่างมีความสุข ดังนั้นการเลือกฝ้าเพดานจึงสำคัญมากครับ

Photo Source https://pixabay.com/th/

คลิกติดต่อสั่งซื้อสินค้า

สินค้าแนะนำ

คอนกรีตสำเร็จรูปคืออะไร มีประโยชน์อย่างไร?

วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่องพื้น ๆ ครับ ใช่ครับเราพูดถึงพื้นจริงๆ นี่แหละครับ ซึ่งเราจะมาพูดถึงพื้นคอนกรีตสำเร็จรูป หนึ่งในตัวช่วยที่ดีสำหรับผู้รับเหมาก่อสร้าง ในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและลดเวลาในการทำงานได้มากเลย

พื้นคอนกรีตสำเร็จรูปคืออะไร

พื้นคอนกรีตสำเร็จรูปคือคอนกรีตที่ถูกขึ้นรูปมาแล้วทำให้พร้อมใช้งานและติดตั้งในหน้างานได้ทันที ถ้าจะให้เห็นภาพก็จะมีลักษณะคล้ายกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ที่แค่เติมน้ำร้อนก็กินได้ทันที คอนกรีตสำเร็จรูปก็เช่นกัน เพียงนำมาติดตั้ง เสริมเหล็ก เทคอนกรีตและบ่มคอนกรีตก็พร้อมใช้งานได้แล้ว

คอนกรีตสำเร็จรูป

พื้นคอนกรีตสำเร็จรูปที่ดีต้องมีลักษณะอย่างไร?

องค์ประกอบหลักของพื้นคอนกรีตสำเร็จรูปที่ดีมีอยู่ด้วยกันหลัก ๆ 2 องค์ประกอบ

1. มีความแข็งแรง รับน้ำหนักตัวเองได้
พื้นคอนกรีตเสริมสำเร็จรูปที่มีความแข็งแรงมากพอ จะช่วยให้เมื่อทำการขนส่งแล้วจะไม่มีการแตกหัก ซึ่งแน่นอนว่าคอนกรีตแบบนี้เวลาขนส่งจะต้องขนส่งทีละหลายๆ แผ่น ทำให้ความแข็งแรงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง

2. รับน้ำหนักของงานทั้งหมดได้
เมื่อนำมาใช้หน้างาน ต้องมีความสามารถในการรับน้ำหนักของงานทั้งหมดในระหว่างการก่อสร้างได้ นั่นหมายถึงคนงานสามารถขึ้นไปเดินได้ ไม่ต้องมีไม้แบบ เอาคอนกรีตและ Topping ต่างๆ ติดตั้งลงไปแล้วต้องไม่หัก อาจจะยังรับน้ำหนักงาน 100% ตามที่ออกแบบไม่ได้ แต่อย่างน้อยระหว่างก่อสร้างต้องไม่หักไม่พัง

คอนกรีตสำเร็จรูป

ประเภทของพื้นคอนกรีตสำเร็จรูปที่เป็นที่นิยม มีกี่ประเภท อะไรบ้าง?

การใช้พื้นสำเร็จรูปไม่ได้มีการใช้แค่ในบ้านหรือในครัวเรือนเท่านั้น แต่สิ่งปลูกสร้างอื่นๆก็สามารถใช้พื้นคอนกรีตสำเร็จรูปได้เช่นกัน เช่น สะพาน ท่อระบายน้ำ อาคารชลประทานต่างๆ พูดง่ายๆคือพื้นคอนกรีตสำเร็จรูปมีหลายแบบและหลายวัตถุประสงค์การใช้งานมาก วันนี้จึงยกมาเพียงแค่ 3 ประเภทที่เรามักพบเห็นได้ทั่วไป

1. พื้นสําเร็จรูปท้องเรียบ
ลักษณะทั่วไปคลื่นหนา 5 cm. กว้าง 35 cm. และยาว 4 m.
สำเร็จรูปทั่วไปที่มักเห็นในการใช้สร้างบ้านทั่ว ๆ ไป ที่ผู้รับเหมามักจะนำมาวางเรียงกัน เสริมเหล็ก เทคอนกรีต ก็กลายเป็นพื้นบ้านพร้อมใช้งานให้กับเรา
ซึ่งจะคุมระยะทางไม่เกิน 4 m. รับน้ำหนักต่อแผ่นได้ไม่มาก ประมาณ 100 – 200 กก./ตร.ม.

2. พื้นสำเร็จรูป Hollow Core
จะมีขนาดค่อนข้างใหญ่แต่จะสังเกตได้ว่าจะมี ความหนาประมาณ 6 – 25 cm ก็จะมีหลายแบบ 30,60,120 cm และความยาวตั้งแต่ 8 – 12 m. และมีรูเป็นลักษณะคล้ายท่อเพื่อลดน้ำหนัก
เป็นพื้นคอนกรีตสำเร็จรูปที่แข็งแรงขึ้นมาอีกขั้นนึง มักใช้ในห้างสรรพสินค้าหรือโรงงานอุตสาหกรรม ที่มีระยะทางประมาณ 8 – 12 m. รับน้ำหนักได้มากถึง 500 – 1000 กก./ตร.ม.

3. พื้นสำเร็จรูประบบ Steel Deck
เป็นการใช้เหล็กเมทัลชีทปูพื้น แล้วเทตามด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก จะเห็นได้มาก ในงานก่อสร้างประเภทสะพานหรือสกายวอล์คต่างๆ ซึ่งระบบ Steel Deck พื้นสำเร็จรูปที่เปลี่ยนจากรูปแบบคอนกรีตมาเป็นเหล็กเมทัลชีทเท่านั้นเอง

คอนกรีตสำเร็จรูป

แล้วทำไมต้องใช้แผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป ก่อสร้างปกติไม่ได้เหรอ?

แน่นอนว่าการเปลี่ยนจากการก่อสร้างปกติ ที่เป็นการขึ้นแบบเทปูน มาเป็นการใช้แผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป ย่อมต้องมีข้อได้เปรียบในการใช้งานอยู่แล้ว

1. ไม่ต้องใช้ไม้แบบทำให้ประหยัดเวลา
การใช้แผ่นพื้นคอนกรีตสำเร็จรูป เราสามารถนำแผ่นพื้นคอนกรีตมาวางบนคานได้เลยโดยที่ไม่ต้องมีไม้แบบ ซึ่งการก่อสร้างแบบเก่าที่ใช้ไม้แบบ จะต้องมีการนำไม้มาขึ้นรูปขึ้นคานทำเป็นแบบ จากนั้นค่อยผูกเหล็กเทปูนแล้วก็รอให้ปูนแห้ง ซึ่งตรงนี้ใช้เวลาเกือบครึ่งเดือน งานล่าช้าเป็นอย่างมาก พื้นสำเร็จรูปที่ถูกเอามาทดแทนการใช้ไม้แบบจึงให้ประโยชน์ด้านความเร็วในการก่อสร้างเป็นอย่างมาก

2. ลดค่าใช้จ่ายในเรื่องของจำนวนคน
ในการทำงานแบบเก่าจะต้องใช้คนจำนวนเยอะมากในการขึ้นแบบ ผูกเหล็ก เทปูน จึงทำให้ค่าใช้จ่ายในเรื่องของคนค่อนข้างสูง แต่การใช้พื้นคอนกรีตสำเร็จรูป แค่มีรถเครนมายก ก็สามารถติดตั้งและใช้งานได้แล้ว

คอนกรีตสำเร็จรูป

แล้วการใช้พื้นคอนกรีตสำเร็จรูปคุ้มไหม?

ในแง่ของตัวเงินดูผลผืนพื้นสำเร็จรูปอาจจะมีราคาที่สูงกว่าการเทคอนกรีตเสริมเหล็กธรรมดา เมื่อเราคิดถึงเรื่องปัจจัยแวดล้อมอย่างเรื่องเวลา จำนวนเงินในการจ้างคน และที่สำคัญมาตรฐานในการผลิต พื้นคอนกรีตสำเร็จรูปนับว่าเป็นตัวเลือกที่ดีมากๆตัวเลือกนึงเลย

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านที่กำลังอยากจะสร้างบ้าน คุณจะได้มีความรู้ในการพูดคุยกับช่างเพื่อที่จะได้กำหนดวิธีการก่อสร้างวิธีการใช้งาน วัสดุต่างๆ ที่คุณต้องการ ให้เหมาะกับการก่อสร้างบ้านในแบบของคุณ

Photo Source https://pixabay.com/th/

คลิกติดต่อสั่งซื้อสินค้า

สินค้าแนะนำ

Original price was: ฿550.00.Current price is: ฿510.00.
Original price was: ฿450.00.Current price is: ฿425.00.
Original price was: ฿350.00.Current price is: ฿340.00.
Original price was: ฿180.00.Current price is: ฿170.00.
Original price was: ฿180.00.Current price is: ฿170.00.
Original price was: ฿90.00.Current price is: ฿85.00.

เหล็กกล่องคืออะไร

เหล็กกล่อง มี ชื่อ ภาษาอังกฤษ ว่า  STEEL TUBE
เหล็กกล่อง คือ  เหล็กรูปพรรณชนิดหนึ่ง แบบเป็นเหล็กกล่องสองแบบ คือ เหล็กกล่องแบบสี่เหลี่ยมจัตุรัสและเหล็กกล่องแบบเหล็กกล่องเหลี่ยม เหล็กกล่องรูปพรรณรีดร้อน มักนำมาใช้ทำโครงสร้างหลังคาบ้านเพื่อรองรับน้ำหนัก รองรับน้ำหนักจากกระเบื้องหลังคาบ้าน งานแปหลังคา งานประกอบทรัสทั่วไป มีขนาดมาตรฐานเริ่มต้นตั้งแต่ 12x12x0.6 มม. มีความยาว 6 เมตร บางครั้งเรียกในท้องตลาดว่า แป๊บโปร่ง กล่อง เหล็กกล่อง เหล็กหลอดเหลี่ยม เหล็กรูปพรรณเหล่านี้ ทำให้งานก่อสร้างเสร็จได้รวดเร็วกว่างานคอนกรีต และทำให้ได้งานโครงสร้างที่มีช่วงกว้างกว่า และมีน้ำหนักเบากว่า เช่น โครงสร้างงานอุตสาหกรรม สะพาน อาคารสูง ฯลฯ เหล็กรูปพรรณผลิตออกมามีหลายหน้าตัด ส่วนประกอบสำคัญทางเคมีได้แก่ คาร์บอน แมงกานีส ฟอสฟอรัส และกำมะถัน

เหล็กกล่องมีประโยชน์อย่างไร

  • น้ำหนักเบา
  • แข็งแรง ทนทาน
  • มีความยืดหยุ่นสูง ลดการเสียรูปอย่างถาวร
  • ก่อสร้างได้ง่าย รวดเร็ว
  • ราคาไม่แพง
  • สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับงานก่อสร้างได้หลากหลายรูปแบบ เช่น บ้านพักอาศัย อาคารพาณิชย์ โครงสร้างหลังคา ทำงานเหล็ก โรงจอดรถ เป็นต้น

หล็กกล่องเอาไปใช้งานแบบไหน สามารถนำไปใช้งานได้หลากหลาย มีประโยชน์มากมายในงานก่อสร้างโดยเฉพาะงานโครงสร้างต่าง ๆ ที่ต้องการความแข็งแรงทนทานสูง เนื่องจากเหล็กกล่องมีความยืดหยุ่น ไม่เสียรูปอย่างถาวร อีกทั้งยังเป็นวัสดุที่ก่อสร้างได้ง่าย ทำให้งานก่อสร้างเสร็จได้อย่างรวดเร็ว รวมไปถึงมีต้นทุนที่ไม่สูงมากนัก จึงเป็นที่นิยมในการนำมาสร้างที่พักอาศัย อาคารพาณิชย์ ไปจนถึงงานโครงสร้างหลากหลายรูปแบบเลยทีเดียว

ปัจจุบันเหล็กกล่องราคาส่วนใหญ่ในท้องตลาดประมาณกี่บาท

ความหนา 1.2 มม. ขนาด ½ x ½ นิ้ว จะมีราคาประมาณ 90 บาท
ความหนา 2.0 มม. ขนาด 1½ x 1½ นิ้ว จะมีราคาประมาณ 260 บาท
ความหนา 2.0 มม. ขนาด 3 x 3 นิ้ว จะมีราคาประมาณ 570 บาท เป็นต้น

แนวโน้มราคาเหล็กกล่องในอนาคตจะประมาณกี่บาท
สำหรับราคาเหล็กกล่องในท้องตลาดบ้านเรา จะสวนทางกับราคาปูนซีเมนต์ถ้าปูนถูกเหล็กเส้นหรือเหล็กรูปพรรณราคาจะแพง ต้องเช็คเป็นเดือน ๆ ไปสำหรับใครจะปลูกบ้านหรือช่างที่จะรับเหมาก่อสร้างบ้าน
ความหนา 1.2 มม. ขนาด ½ x ½ นิ้ว จะมีราคาประมาณ 90 บาท
ความหนา 2.0 มม. ขนาด 1½ x 1½ นิ้ว จะมีราคาประมาณ 260 บาท
ความหนา 2.0 มม. ขนาด 3 x 3 นิ้ว จะมีราคาประมาณ 570 บาท เป็นต้น

เหล็กกล่องไซส์ไหนที่คนไทยนิยมมาใช้งานมากที่สุด
สำหรับเหล็กกล่องที่นิยมใช้ช่างนิยมใช้เจ้าของบ้านนิยมใช้ ขึ้นอยู่กับการใช้งานมากกว่า ว่าขนาดของเหล็กกล่องนั้นเอาไปใช้ทำอะไร เอาไปต่อเติมส่วนไหนของบ้าน แต่เหล็กกล่องขนาด 1x1x1.2 มิล , 1x1x1.5 มิล , 2x2x1.2 , 2x2x1.5 มิล หรือจะเป็นขนาด 4x2x.15 มิล 4 ขนาดนี้จะนิยมใช้ในหมู่ช่างของไทย

เหล็กกล่องที่ดีต้องมีมาตรฐานอะไร
การเลือกซื้อหรือเลือกใช้สามารถดูมาตรฐาน ดูขนาดของเหล็กกล่อง ได้ดังนี้

  • เหล็กกล่องต้องมีคุณภาพ SS400
  •  เหล็กที่ผลิตต้องได้เต็มนิ้ว เต็ม มม. ที่กำหนด ต้องดูที่น้ำหนักจริง ไม่ใช่เพียงแต่ดูที่ความหนา
  • เหล็กกล่องต้องได้ฉาก มีความยาวต้อง 6 ม. เต็ม
  • ต้องมีใบรับรองมาตรฐาน มอก. เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพสินค้า

ก่อนซื้อเหล็กกล่องต้องรู้อะไรบ้าง
1.น้ำหนักของเหล็กกล่องแต่ละเส้น ก่อนที่เราจะตัดสินใจซื้อเหล็กกลอ่งแต่ละเส้นแต่ละขนาดควรสอบถามน้ำหนักเหล็กกล่องให้แน่ใจก่อนว่าน้ำหนักตรงตามที่เราต้องการหรือเปล่า
2.ความยาวของเหล็กกล่อง เราควรตรวจสอบความยาวของเหล็กกล่องตามมาตรฐานที่สั่งซื้อเอาไว้
3.วัตถุดิบตั้งต้นที่นำมาทำเหล็กกล่อง ควรสอบถามกับทางร้านถึงวัตถุดิบตั้งต้นที่นำมาผลิตเหล็กกล่อง
4.ราคาของเหล็กกล่อง เหล็กกล่องแต่ละโรงงานมีน้ำหนักไม่เท่ากัน เราจึงควรสอบถามราคาของเหล็กกล่อง ก่อนที่จะสั่งซื้อ

เหล็กกล่องเกรดบี
เหล็กกล่องเกรดบีที่ใช้วัตถุดิบเดียวกับเหล็กรูปพรรณเกรดเอ มีความยาว 6 เมตรเต็ม ซึ่งเหล็กเกรดบีจะแตกต่างกับเหล็กเกรดเอตรงที่ว่า เหล็กเกรดบีจะมีตำหนิเล็กน้อยตรงรอยต่อ เนื่องจากการเชื่อมต่อของสลิด เพื่อให้ได้ความยาวครบ 6 เมตรและยังนำมาแทนเหล็กเกรดเอได้ เพราะแบบนี้เหล็กเกรดบีถึงได้รับความนิยมในงานก่อสร้าง ต่อเติม และงานซ่อมแซม เนื่องจากเหล็กเกรดบีมีราคาถูกกว่าเหล็กเกรดเอค่อนข้างมาก
เหล็กเกรดบีให้ประโยชน์มากมายในอุตสาหกรรมก่อสร้างมาโดยตลอด เนื่องจากเหล็กเกรดบีสามารถประดิษฐ์ และนำไปใช้ในโครงการก่อสร้างจำนวนมากได้ ในแง่ของโครงสร้างสถาปัตยกรรมที่สำคัญ อย่างเช่น สนามกีฬา ห้างสรรพสินค้า และอาคารพาณิชย์ เป็นต้น เมื่อมีการพัฒนาอาคาร หรือ โครงสร้างหลัก เหล็กเกรดบีเป็นโครงสร้างแรก ๆที่ผู้รับเหมาจะเลือกใช้เป็นอันดับแรก เนื่องจากเหล็กเกรดบีสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้โดยไม่มีผลกระทบต่อคุณสมบัติของเหล็กเกรดบีอีกด้วย

ข้อดีของเหล็กเกรดบี

  • มีความทนทานแข็งแรง
  • ราคาถูกกว่าเหล็กเกรดเอ
  • นำไปใช้งานโครงสร้างได้ เหมือนเหล็กเกรดเอ
  • สามารถนำมาใช้ซ้ำได้
  • มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน
  • ผลิตจากโรงงานที่ได้มาตรฐานอุตสาเหกรรม

 

คลิกติดต่อสั่งซื้อสินค้า

สินค้าแนะนำ

โครงสร้างบ้านแบบเหล็ก และ โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก ควรเลือกแบบไหนดี

วัสดุที่นิยมเลือกปลูกสร้างโครงสร้างบ้านจากอดีตก็จะเป็นโครงสร้างไม้ แต่ปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงมาเป็น โครงสร้างบ้านแบบคอนกรีตบ้าง หรือไม่ก็โครงสร้างแบบเหล็ก ซึ่งมีความแข็งแรงและการเสื่อมสภาพน้อยกว่าโครงสร้างแบบไม้

วันนี้จะพาไปแนะนำข้อดี ข้อด้อย ของโครงสร้างแบบ คอนกรีต และ แบบเหล็ก ว่ามีข้อดี ข้อด้อย ต่างกันอย่างไร

โครงสร้างแบบเหล็ก
ถือว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของคนที่เบื่อบ้านปูนและบ้านไม้กัน โครงสร้างแบบเหล็กปัจจุบันสามารถสร้างบ้านได้เกือบทั้งหลัง โดยนำมาเชื่อมต่อกันเป็นเสา คาน โครงรับพื้น โครงหลังคา และโครงผนัง ซึ่งมีให้เลือกหลายรูปร่างหน้าตัด เช่น สี่เหลี่ยมจัตุรัส สี่เหลี่ยมผืนผ้า เหล็กรูปตัวซี เหล็กตัวซีรางน้ำ เหล็กฉาก  ซึ่งจุดเด่นของเหล็กคือ เป็นวัสดุสำเร็จรูปที่ผลิตจากโรงงานมาอยู่แล้ว จึงได้มาตราฐานดีกว่าปูนหรือไม้ อีกทั้งยังประหยัดเวลาการก่อสร้างได้ดีกว่างานคอนกรีตเสริมเหล็กเท่าตัวเลยทีเดียว

ข้อดี

  • ประหยัดเวลาในการก่อสร้าง โครงสร้างถูกผลิตมาจากโรงงานแล้ว พอถึงหน้างานจึงเสมือนแค่ประกอบชิ้นส่วนต่างๆ เท่านั้น
  • มีความแข็งแรงไม่ต่างกับโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กเท่าไหร่
  • สามารถเข้าถึงพื้นที่ที่ปลูกสร้างได้ง่ายกว่า
  • เสาคานเหล็กมีขนาดเล็กทำให้ภายในบ้านโล่งกว้างไม่มีส่วนของเสาหรือคานโผล่ซึ่งทำให้จัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้ง่าย
  • การเดินระบบอย่าง เดินท่อประปา เดินท่อร้อยสายไฟ สามารถทำได้ง่าย

ข้อด้อย

  • งบประมาณค่อนข้างสูง เนื่องด้วยวัสดุมีราคาสูง ทำให้ต้นทุนวัสดุมีราคาแพงกว่าบ้านที่ก่อด้วยวัสดุอื่นประมาณ 30%
  • บริษัทที่รับสร้างมีไม่ค่อยเยอะ ช่างผู้เชี่ยวชาญยังหาได้ค่อนข้างยาก
  • ความยากของการสร้างบ้านโครงสร้างเหล็กคือ การเชื่อม จำเป็นต้องให้ช่างที่มีความชำนาญสูงในการดูแลงาน
  • มีค่าบำรุงรักษาระยะยาว ค่าทาสี ป้องกันสนิม

บ้านโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก

ถือเป็นที่นิยมมานานเพราะวัสดุที่หาได้ง่ายและมีราคาถูกกว่าการโครงสร้างแบบอื่นๆ มีส่วนประกอบหลักคือ ปูนซีเมนต์ หิน กรวดหรือทราย และน้ำ และเสริมด้วยเหล็กเข้าไป เพราะคอนกรีตมีคุณสมบัติในการรับแรงอัดได้ดี แต่รับแรงดึงได้ค่อนข้างต่ำมาก จึงจำเป็นต้องเสริมเหล็กเข้าไปเพื่อเพิ่มคุณสมบัติแรงดึง ทำให้รับแรงของวัสดุโดยรวมได้มากยิ่งขึ้น   เหมาะสำหรับบ้านพักอาศัยและอาคารทั่วไป

ข้อดี

  • มีความแข็งแรง ทนทานมากกว่าบ้านโครงสร้างเหล็ก
  • ทั้งปูนซีเมนต์ หิน กรวด ทราย เป็นวัสดุที่มีราถูกกว่าโครงสร้างเหล็ก จึงช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้อย่างดี
  • ผู้รับเหมาและช่างที่ชำนาญอยู่มากพอสมควร จึงไม่เป็นเรื่องยุ่งยากในการติดต่อหาช่างมารับงาน
  • การดูแลรักษาง่ายกว่าและถูกกว่าโครงเหล็ก ทั้งยังมีวิธีแก้ไขที่ไม่ยุ่งยาก รวดเร็วกว่า

ข้อด้อย

  • แม้ปัจจุบันจะคอนกรีตสำเร็จรูปที่ช่วยประหยัดเวลาการก่อสร้าง แต่ถ้าเทียบกับโครงสร้างเหล็กแล้วก็ยังใช้ระยะเวลาการก่อสร้างมากกว่าอยู่ดี
  • ต้องใช้เวลานานในการก่อสร้าง ค่าแรงช่างจึงแพงตามระยะเวลาการก่อสร้าง
  • เมื่อมีงานต่อเติมจะค่อนข้างยุ่งยากกว่างานโครงสร้างเหล็ก
  • เมื่อมีน้ำหนักมาก จึงจำเป็นต้องใช้เสาเข็มจำนวนมากในการรับน้ำหนัก ค่าวัสดุก็เพิ่มมากขึ้น

 

โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กหรือโครงสร้างเหล็ก ทั้ง 2 อย่างมีข้อดีและข้อด้อยต่างกันไป เราควรจะคำนึงถึงเรื่องงบประมาณ การดูแลรักษาหลังจากสร้างเสร็จ หรือด้านการออกแบบ ว่าตัวเราเหมาะกับแบบไหนมากกว่ากัน ที่จะทำให้เราจัดการได้ง่ายในอนาคตและปัจจุบัน

 

เครดิต
https://www.baanlaesuan.com/

เทคนิคเลือกสีให้บ้านเย็นสบาย

เทคนิคการเลือกใช้สีทาบ้านให้เย็นสบาย
เมื่ออากาศเมืองไทยค่อนข้างจะร้อน เราจะมีวิธีการเลือกสีทาบ้านอย่างไรให้บ้านเราดูเย็นสบาย คลายร้อนผ่อนคลาย วันนี้มีเทคนิคการเลือกสีทาบ้านเพื่อลดความร้อนมาให้อ่าน

1. เลือกสีทาบ้านสะท้อนรังสีความร้อน เลือกทาสีประเภทสีกันร้อนสะท้อนยูวีที่มีเม็ดเซรามิคช่วยสะท้อนความร้อนได้ ปัจจุบันมีสีหลายยี่ห้อที่ผลิตและจำหน่ายสีที่มีประสิทธิภาพในการสะท้อนรังสีความร้อน

2. สีทาภายนอกเลือกสีอ่อน นอกจากเลือกสีที่ช่วยสะท้อนรังสีความร้อนแล้ว สีทาภายนอกควรเลือกสีโทนเย็น หรือสีอ่อนๆ จะสะท้อนความร้อนไม่ให้เข้าไปในตัวบ้านได้ดีกว่าสีโทนมืดหรือสีโทนร้อนที่ดูดซับความร้อนได้มากกว่า

3. สีทาภายในเลือกสีโทนเย็น เลือกใช้สีโทนเย็นภายในบ้าน เลือกใช้สีอ่อนๆ ประเภทสีขาว สีครีม สีเขียวอ่อน สีเหลืองอ่อน สีฟ้าอ่อน ซึ่งสีโทนเย็นจะให้ความรู้สึกเย็นตา ผ่อนคลาย สดชื่น ช่วยให้รู้สึกเย็นกายเย็นใจได้ เพราะสีมีผลต่ออารมณ์ความรู้สึกของคนได้อย่างไม่น่าเชื่อ

 

 

 

เครดิต

Home

ครัวปูน ครัวสำเร็จรูป และครัวบิวท์อิน แตกต่างกันอย่างไร

ห้องครัวถือว่าเป็นห้องที่สำคัญอันดับต้นๆ ของคนไทย การที่เราจะทำห้องครัวขึ้นมาสักห้องเราควรพิจารณาว่าเราจะทำอาหารเยอะมากน้อยขนาดไหนพื้นที่เรามีจำกัดหรือไม่ เพราะเป็นสิ่งที่เราจะต้องนำมาพิจารณาก่อนที่จะสร้างห้องครัว
การสร้างห้องครัวมีให้พิจารณา 3 แบบ 1.สร้างครัวโดนปูน หรือก่ออิฐขึ้นมา 2.หาซื้อครัวสำเร็จรูปมาลงที่บ้าน หรือ 3.จ้างช่างมาบิวท์อินครัวให้ตามที่เราต้องการ
เรามาดูข้อดี ข้อสังเกต แต่ละแบบกันว่าแบบไหนเหมาะสมกับเรา

1.เคาน์เตอร์ครัวปูน หรือ ครัวก่ออิฐ ซึ่งนิยมสร้างครัวประเภทนี้กันในที่อยู่อาศัยแบบแนวราบเช่น บ้านหรือทาวน์เฮ้าส์ โดยเฉพาะบ้านที่อยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่ เพราะด้วยโครงสร้างที่เป็นการก่ออิฐฉาบปูน ทำให้มีความแข็งแรงกว่าครัวบิวท์อินและครัวสำเร็จรูปทั่วไป

นอกจากความแข็งแรงแล้ว ครัวประเภทนี้ยังทนความชื้นได้เป็นอย่างดีเลยครับ อีกทั้งราคายังถูกกว่าครัวแบบสำเร็จรูปอีกด้วย

ข้อดี มีความแข็งแรง ทนทาน ทนน้ำและความชื้น มอด ปลวก ใช้งานได้ยาว ราคาในการก่อสร้างถูกกว่าครัวแบบอื่นๆ
ข้อสังเกต เมื่อก่อสร้างแล้วจะปรับเปลี่ยนยาก ต้องทุบออก และอาจเกิดกลิ่นอับได้ แต่ก็สามารถแก้ไขด้วยการปูกระเบื้อง

2.ครัวสำเร็จรูป ครัวประเภทนี้จะเป็นลักษณะครัวที่ทางแบรนด์มีสินค้าอยู่แล้ว แต่ทำขึ้นมาให้มีหลายรูปแบบและหลายขนาดมักจะทำด้วยวัสดุไม้ ลามิเนต pvc เป็นต้น ซึ่งครัวแบบนี้มักจะเผื่อพื้นที่การใช้งานมาให้แบบครบครันและเป็นสัดส่วน และใช้เวลาในการติดตั้งเร็ว แต่จะมีให้ขนาดให้เลือกแบบจำกัด เจ้าของบ้านต้องวัดขนาดพื้นที่ให้ดีก่อนที่จะซื้อ

ข้อดี ติดตั้งง่าย รวดเร็วไม่ยุ่งยาก และสามารถเคลื่อนย้ายได้ ฟังก์ชั่นการใช้งานเยอะ
ข้อสังเกต หากเป็นไม้หรือลามิเนต มีโอกาสเสียหายจากความชื้น มอด ปลวก และมีความแข็งแรงน้อยกว่าครัวปูน มีแบบขนาดจำกัดซึ่งอาจไม่พอดีกับขนาดครัวเรา ราคาสูงกว่าครัวปูน

3.ครัวบิวท์อิน เป็นการออกแบบและติดตั้งเคาน์เตอร์ให้พอดี วางเข้ากับพื้นที่ภายในครัวได้อย่างลงตัว วัสดุที่มักจะนำมาใช้ก็จะมีหลากหลาย เช่น ลามิเนต ซีเมนต์บอร์ด PVC

ข้อดี ติดตั้งง่าย สะดวกรวดเร็วไม่ยุ่งยาก เลือกปรับขนาดได้ตามต้องการ สวยงามทันสมัย และมีแบบให้เลือกเยอะ
ข้อสังเกต ความแข็งแรงน้อยกว่าครัวปูน ราคาค่อนข้างสูง ต้องออกแบบและวัดตำแหน่งให้ดีก่อนซื้อ เพราะการแก้ไขทำได้ยากและอาจทำให้งบบานปลาย

 

เครดิต

หน้าแรก

ปรับบ้านอย่างไรให้ปลอดภัยสำหรับผู้สูงอายุ

ปัจจุบันสังคมไทยกลุ่มคนวัยสูงอายุเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ พ่อแม่เราเมื่อทานเกษียณแล้วท่านก็มาพักผ่อนที่บ้านรอเรากลับมาหลังเลิกงาน การที่ท่านอยู่บ้านคนเดียวหรือสองคนของคนวัยสูงอายุเราควรคำนึงถึงความปลอดภัยของท่าน ว่าบ้านเรามีความปลอดภัยสำหรับท่านขนาดไหน  วันนี้มีคำแนะนำง่ายๆ สำหรับการตรวจดูบ้านและการปรับบ้านให้กับผู้สูงอายุมาฝากกัน

1.พื้นบ้านปลอดภัย พื้นไม่ลื่น..ไม่ยกระดับ
เรื่องพื้นๆ ที่หลายๆ คนอาจจะคิดว่ารู้อยู่แล้ว แน่นอนว่าพื้นต้องไม่ลื่นเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุลื่นล้ม เราควรจะเลือกวัสดุที่ดีในการเลือกพื้นโดยเฉพาะคุณสมบัติกันลื่น เพื่อป้องกันเหตุที่จะเกิดกับผู้สูงอายุ    พื้นไม่ควรมีการเปลี่ยนระดับ หรือจุดใดที่อาจจะทำให้สะดุดได้หรือไม่ จุดต่างๆ เหล่านี้หากจำเป็นต้องมี ก็ควรจะมองเห็นได้ง่าย ไม่มีสิ่งกีดขวางหรือบังตา บางบ้านที่มีการต่อเติมมาก่อนแล้ว อาจมีพื้นยกระดับที่สูงเกินกว่าจะก้าวขึ้นได้อย่างสะดวก ก็ควรมีการปรับระดับความสูงโดยอาจเพิ่มเป็นขั้นแบ่งระดับที่ใหญ่พอ ซึ่งจะช่วยให้ผู้สูงอายุโดยเฉพาะผู้ที่ต้องใช้ไม้เท้าเดินได้สะดวกขึ้น

2.ระบบไฟส่องสว่าง เพียงพอ
พื้นที่ที่มืดหรือแสงสว่างไม่เพียงพอจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ไม่ว่าจะเดินชนโน่นชนนี่ การสะดุดหกล้ม นอกจากนั้นแสงสว่างยังมีผลต่อการใช้สายตา การอ่านหนังสือด้วย แสงสว่างที่ไม่เพียงพอจะมีผลเสียต่อสุขภาพสายตาและการมองเห็น ดังนั้นต้องแน่ใจว่าทุกห้อง ทุกพื้นที่มีแสงสว่างเพียงพอ ทั้งแสงสว่างจากหลอดไฟ และแสงธรรมชาติ

3.ติดตั้งราวพยุงตัว โดยเฉพาะพื้นที่ห้องน้ำ
การมีราวพยุงจะช่วงให้ผู้สูงอายุ มีความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในห้องน้ำซึ่งเป็นสถานที่ค่อยข้างลื่น ควรจะมีราวพยุงตัวให้ผู้สูงอายุด้วย

พื้นกันลื่น

จุดเสี่ยง เพื่อเลี่ยงปัญหาหลังคารั่วซึม

1: โครงหลังคาบ้านไม่ได้มาตรฐาน
ปัญหาของการสร้างโครงหลังคาไม่ได้มาตรฐานที่มักพบได้บ่อย เช่น ประกอบจันทันไม่ได้ระดับ ส่งผลให้มุงกระเบื้องได้ระดับไม่เท่ากัน กระเบื้องจึงกระเดิดทำให้น้ำสามารถไหลซึมเข้ามาได้ หรือคุณภาพการเชื่อมเหล็กที่ไม่สนิท การทาสีกันสนิมที่โครงเหล็กด้วยมือ ก็อาจทำให้เกิดสนิมและผุพังก่อนเวลา รวมถึงข้อผิดพลาดที่เป็นจุดเล็กๆ ก็อาจเกิดเป็นปัญหาใหญ่ตามมาในภายหลังได้

2: องศาของหลังคาไม่เหมาะสม
การติดตั้งหลังคาต้องคำนึงถึงองศาความลาดเอียงที่พอเหมาะ เพื่อให้น้ำฝนไหลระบายลงมาได้ง่าย ซึ่งองศาหลังคาที่น้อยเกินไป นอกจากจะทำให้น้ำและความชื้นสะสมอยู่บนหลังคานานขึ้นที่ทำให้เกิดเชื้อราได้ง่ายแล้ว ยังมีโอกาสทำให้น้ำฝนไหลย้อนกลับเข้าไปใต้ชายคาอีกด้วย หลักการออกแบบหลังคาที่ป้องกันการรั่วซึมได้ดีจะใช้หลังคาทรงสูงที่มีความชันตั้งแต่ 30 องศาขึ้นไป ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับประเภทวัสดุที่ใช้มุงหลังคาและข้อกำหนดของหลังคาแต่ละชนิดด้วย

3: ระยะแปห่างเกินไป หลังคาแอ่นตัว
การติดตั้งโครงหลังคาที่วางระยะแปห่างเกินไปหรือมุงกระเบื้องไม่ได้แนวตรง จะทำให้เกิดปัญหาหลังคารั่วซึม “แป” เป็นชิ้นส่วนสำคัญของโครงสร้างหลังคา ที่ทำหน้าที่รับน้ำหนักกระเบื้องหลังคาทั้งผืน และหากติดตั้ง “จันทัน” ที่มีระยะห่างมากเกินไป จะทำให้แปต้องแบกรับน้ำหนักมากขึ้นไปด้วย ทำให้แปแอ่นตัวหรือเกิดการยุบตัวลงของหลังคาได้ ซึ่งจะไปดันกระเบื้องที่เคยเรียงตัวกันสนิทสูงโก่งขึ้นมาจนเกิดช่องว่าง ส่งผลให้เมื่อมีฝนตกลมแรงน้ำฝนจะสามารถไหลย้อนเข้ามาที่ส่วนใต้หลังคาได้

4: ติดตั้งสันหลังคา ตะเข้สัน ไม่ได้มาตรฐาน
ส่วนของหลังคาที่พบว่าเกิดการรั่วซึมบ่อยๆ คือ บริเวณรอยต่อระหว่างผืนหลังคาแต่ละด้าน โดยเฉพาะบริเวณสันหลังคาและตะเข้สัน จึงต้องมีวัสดุครอบเป็นตัวปิดรอยต่อเอาไว้ ซึ่งช่างติดตั้งหลังคาส่วนใหญ่จะเลือกใช้วิธียึดครอบสันหลังคาแบบเปียกคือใช้ “ปูนซีเมนต์ผสมทรายและน้ำ” เป็นตัวยึดครอบ ด้วยคุณสมบัติของปูนซีเมนต์ จะช่วยจะยึดติดกับผิวแผ่นหลังคาและครอบติดกันได้และป้องกันการรั่วได้หากช่างฝีมือดี แต่ถ้าติดตั้งไม่ได้มาตรฐาน เช่น โบกปูนล้นเข้าไปในตะเข้สัน หรือติดตั้งปูนใต้ครอบบางเกินไปและล้นที่หัวกระเบื้อง การติดตั้งครอบหลังคาที่ไม่แน่นหนา ยึดครอบไม่สนิท ติดตั้งครอบสันหลังคาไม่ได้ระดับ หรือตัดกระเบื้องร่องรางและตะเข้สันไม่ได้แนวตรง จะทำให้เกิดช่องว่างที่จะเป็นช่องทางให้น้ำซึมและรั่วเข้าสู่ตัวบ้านได้

5: น้ำรั่วบริเวณอุปกรณ์ยึด
การเจาะยึดกระเบื้องนั้นมีโอกาสเกิดช่องหรือรูโหว่ได้ โดยเฉพาะในวัสดุมุงประเภทที่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ยึดอย่าง สกรู ตะปูเกลียว สำหรับแผ่นกระเบื้องที่เจาะรูสกรูผิดพลาดไม่ตรงแปแล้วไม่ได้อุดเก็บงานให้เรียบร้อย ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุของการรั่วซึม

 

เครดิตข้อมูลและรูปภาพ
https://scghome.com/living-ideas

รู้จักเหล็กเอชบีม (H-BEAM)

เหล็กเอชบีม (H-BEAM) คือ เหล็กรูปพรรณรีดร้อน (Hot-Rolled Structural Steel) ที่เกิดจากการหลอมและหล่อเป็นเหล็กแท่ง แล้วรีดในขณะที่เหล็กยังร้อนให้มีหน้าตัดเป็นรูปตัวอักษรภาษาอังกฤษ “H” ตามการเรียกชื่อ รูปแบบของหน้าตัดจะมีปีก (Flange) กว้างออกมาจากเอว (Web) ตรงกลาง โดยจะมีความหนาของเหล็กในส่วนปีกเท่ากันตลอด ไม่มีการปาดหรือลบมุมที่ปลายปีก

การนำไปใช้ เหมาะสำหรับการใช้งานเป็นโครงสร้างคาน เสา และโครงสร้างหลังคา ทั้งในอาคารบ้านพักอาศัย โรงงาน อาคารสูง หรือสนามกีฬา ทั้งนี้ เหล็กเอชบีม (H-BEAM) ตามมาตรฐาน ASTM ของประเทศสหรัฐอเมริกาจะเรียกว่าเหล็ก Wide Flange (W-Shape)

ปัจจุบันเหล็กเอชบีม (H-BEAM) รวมทั้งเหล็กรูปพรรณแบบต่างๆ สามารถผลิตได้ภายในประเทศไทยและได้รับความนิยมมากในงานก่อสร้าง เนื่องจากงานก่อสร้างด้วยโครงสร้างเหล็กมีความสะดวกรวดเร็ว ไม่จำเป็นต้องรอให้แห้งหรือเซตตัวต่างจากงานคอนกรีต สามารถดัดโค้งได้ มีขนาดที่ได้มาตรฐานเนื่องจากผลิตมาจากโรงงาน เป็นการก่อสร้างด้วยระบบแห้งหน้างานจึงไม่สกปรกเลอะเทอะ สามารถนำมาดัดแปลง ต่อเติม และรื้อถอนได้ง่าย และยังสามารถนำกลับมาใช้งานใหม่ได้อีกด้วย

 

 

หลังคาเซรามิค เอสซีจี รุ่น Excella Classic ดีอย่างไร

หากใครอยากทำหลังคาบ้านใหม่ หรือ เพิ่งสร้างบ้าน กำลังมองหาตัวเลือกสำหรับทำหลังคาบ้าน หลังคาเซรามิค เอสซีจี รุ่น Excella Classic จึงเป็นตัวเลือกที่มีความน่าสนใจถึงเรื่องความสวยงาม และคุณคุณสมบัติเฉพาะตัวของเซรามิคแท้ ทำให้ผิวสัมผัสเนียนเรียบ เรามาทำความรู้จัก คาเซรามิค เอสซีจี รุ่น Excella Classic กันดีกว่า

คาเซรามิค เอสซีจี รุ่น Excella Classic

  • กระเบื้องมีขนาด 33 x 42 ชม./แผ่น
  • น้ำหนักประมาณ 3.5 กก./แผ่น
  • จํานวนการใช้งาน 9.8 – 10.4 แผ่น/ตร.ม.ขึ้นอยู่กับรูปทรงหลังคา และระยะแป (ระยะแป 32 – 34 ซม.)
  • ความลาดชันของหลังคา 17- 60 องศา (ขนาด, น้ําหนัก และจำนวนที่ใช้งานเป็นค่าโดยประมาณ

จุดเด่นของ คาเซรามิค เอสซีจี รุ่น Excella Classic

สีสวย ทนนาน
ผ่านการเผาที่อุณหภูมิสูงสม่ำเสมอ 1,100 องศาเซลเซียส เพื่อให้ได้กระเบื้องหลังคาเซรามิคแท้ สีสวย ไม่ซีดจางตลอดกาล

ลดโอกาสกักเก็บคราบฝุ่น
ในรูปแผ่นกระเบื้องด้วยระบบแห้ง (Dry Press Fast Firing Process) โดยเครื่อง Hydraulic แรงดันสูง เพื่อให้ทุกอณูระหว่างเนื้อกระเบื้องแนบสนิท ปราศจากช่องว่างภายในแผ่นกระเบื้อง ผิวกระเบื้องจึงเนียนเรียบ ลดโอกาสกักเก็บคราบฝุ่นทําให้พื้นหลังคาใหม่ สดใสอยู่เสมอ

บ้านเย็นสบาย
ด้วยคุณสมบัติทองกระเบื้องหลังคาเซรามิคที่มีดินเป็นส่วนประกอบหลัก จึงทําให้มีค่านําความร้อนต่ํา

หมดปัญหารั่วซึม
ด้วยระบบการเผาแบบสายพาน Roller Kiln ทําให้กระเบื้องได้รับอุณหภูมิสูงที่สม่ําเสมอทั่วทั้งแผ่น กระเบื้องจึงมีหนาดได้มาตรฐานเท่ากันทุกแผ่น ไม่บิดตัว จึงทําให้มุงหลังคาได้อย่างมั่นใจ ไม่เกิดปัญหารัวซึม

 

ใครสนใจสามารถสอบถามสั่งซื้อได้ที่
บริษัท ไทยนพวงศ์ ค้าไม้ จำกัด
9/1 หมู่ที่ 7 ตำบลหน้าไม้ อำเภอ ลาดหลุมแก้ว
จังหวัดปทุมธานี 12140

เครดิต
https://www.scgbuildingmaterials.com/