เทคนิคการเลือกสว่านไฟฟ้าต้องรู้อะไรบ้าง

สว่านไฟฟ้า เป็นเครื่องมือที่สามารถใช้เจาะวัสดุต่างๆ เช่น คอนกรีตปูน โลหะ ไม้ และพลาสติก ได้สะดวกและรวดเร็ว ก่อนจะตัดสินใจเลือกซื้อสว่านไฟฟ้า ควรรู้ว่าต้องการสว่านเพี่อใช้งานกับอะไร ประเภทไหน งานหนัก งานเบา ใช้ซ่อมแซมตกแต่งบ้าน หรือใช้ทำลายถนนคอนกรีต สิ่งที่ควรพิจารณาในการเลือกซื้อสว่านไฟฟ้า ควรจะรู้ข้อมูลต่างๆดังนี้

1. กำลังไฟ มีหน่วยเป็นวัตต์ จำนวนวัตต์สูงๆ นอกจากให้กำลังในการทะลุทะลวงสูงแล้ว ยังสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องนานกว่า โดยไม่ต้องกังวลว่าเครื่องจะร้อนเกิน แต่ก็กินไฟเยอะกว่าด้วย ส่วนสว่านไร้สาย กำลังไฟจะบอกเป็นโวลต์ ตัวเลขยิ่งสูง หมายถึง กำลังและน้ำหนักของแบตเตอรี่ที่มากกว่า แต่ไม่ได้หมายความว่าแบตเตอรี่จะอยู่ได้นานกว่า เช่น หากอยากได้สว่านใช้งานทั่วไปในบ้าน งาน DIY กำลังไฟฟ้าส่วนใหญ่ก็จะอยู่ที่ประมาณไม่เกิน 300 วัตต์ ซึ่งจะให้ความเร็วรอบในการเจาะงานประเภทต่างๆ ได้

2. อัตราความเร็วรอบ (RPM) สว่านชนิดที่มีอัตราเร็วรอบสูงจะสามารถเจาะได้เร็วกว่า แรงกว่า ควรเลือกสว่านที่สามารถปรับ ความเร็วได้หลายระดับ สำหรับใช้งานกับความแข็ง และอ่อนของวัสดุที่ต่างกัน

3. เส้นผ่าศูนย์กลางสูงสุดของการเจาะ ส่วนมากจะบอกรายละเอียดเป็นตัวเลขเส้นผ่าศูนย์กลางสูงสุดที่สามารถเจาะคอนกรีต ไม้ เหล็กได้  ถ้าเป็นสว่านกระแทกและสว่านโรตารี มักบอกตัวเลขเส้นผ่าศูนย์กลางสูงสุดของการเจาะคอนกรีตไว้ให้เห็นชัดเจน

4. อัตราการเจาะกระแทกต่อนาที (BPM หรือ IPM) คือ ค่าที่บ่งบอกความสามารถในการกระแทก สำหรับสว่านกระแทกและสว่านโรตารี

เครดิตข้อมูล
jenbunjerdstore.com

เฟอร์นิเจอร์บิ้วอินกับเฟอร์นิเจอร์ลอยตัว ต่างกันยังไง เลือกแบบไหนดี

เฟอร์นิเจอร์บิ้วอินกับเฟอร์นิเจอร์ลอยตัว

หนึ่งในคำถามที่เจ้าของบ้านที่เพิ่งขึ้นบ้านใหม่หรือกำลังตัดสินใจสร้างบ้านมักจะมีเหมือนกันนั่นก็คือ จะเลือกเฟอร์นิเจอร์แบบไหนดี ซึ่งพอพูดถึงเฟอร์นิเจอร์ก็จะมีอยู่ 2 แบบให้เลือกคือ เฟอร์นิเจอร์บิ้วอินและเฟอร์นิเจอร์ลอยตัว ซึ่งทั้ง 2 แบบมีความแตกต่างกันในแง่ของการติดตั้ง ดังนั้นวันนี้ผมจึงเอาข้อแตกต่างของทั้ง 2 แบบ มาบอกกับทุกท่านไม่ว่าจะเป็นข้อดีหรือข้อจำกัดของแต่ละแบบที่ท่านควรจะนำไปคำนึงถึงเวลาเลือกใช้งาน

เฟอร์นิเจอร์บิ้วอินกับเฟอร์นิเจอร์ลอยตัว

 

ความแตกต่างระหว่างเฟอร์นิเจอร์บิ้วอินกับลอยตัว

ความแตกต่างของเฟอร์นิเจอร์ทั้ง 2 ประเภท อยู่ที่การติดตั้งเข้ากับตัวบ้าน เฟอร์นิเจอร์แบบบิ้วอินก็ตามชื่อเลยครับ เป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ถูกออกแบบมาให้เข้ากับบ้านหลังนั้น ๆ โดยเฉพาะ(customize) ซึ่งโดยส่วนใหญ่เจ้าของบ้านจะไปดูแบบบ้านหรือแบบห้องที่ชอบแล้วเอามาคุยกับผู้รับเหมาหรือผู้ออกแบบบ้าน จากนั้นก็ทำการสั่งไปที่โรงงานผลิตเพื่อให้โรงงานนำมาประกอบเข้ากับตัวบ้าน โดยสัดส่วนทุกอย่างจะรับกับตัวบ้านแบบพอดี พูดง่าย ๆ คือเป็นการสร้างมาเฉพาะหลังเลย ไม่สามารถเคลื่อนย้ายหรือไม่สามารถนำไปไว้ที่บ้านหลังอื่นได้

สวนเฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัว เป็นเฟอร์นิเจอร์โดยทั่วไปที่มีขายอยู่ตามท้องตลาด เจ้าของบ้านสามารถเดินหาเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์แบบที่ต้องการ เพื่อนำมาตกแต่งห้องในแบบหรือสไตล์ที่ตัวเองชอบ นอกจากนี้ยังสามารถเคลื่อนย้ายหรือยกไปไว้ตรงไหนของบ้านก็ได้

ถ้าให้พูดแบบง่าย ๆ คือแบบบิ้วอิน เป็นการออกแบบมาพร้อมกับตัวบ้านและติดตั้งกับตัวบ้านเลย ส่วนแบบลอยตัวเป็นการซื้อเข้ามาเติมเรื่อย ๆ

เฟอร์นิเจอร์บิ้วอินกับเฟอร์นิเจอร์ลอยตัว

ข้อดีและข้อจำกัดของเฟอร์นิเจอร์ทั้ง 2 ประเภท

1. ด้านวัสดุ
เบื้องต้นด้านวัสดุในการผลิตของเฟอร์นิเจอร์ทั้งสองชนิดแทบไม่แตกต่างกัน ถ้าหากว่าเป็นสเปคของวัสดุเดียวกัน ผลิตที่บริษัทเดียวกัน โรงงานเดียวกัน เรื่องวัสดุความคงทนแข็งแรงแทบไม่ต่างกัน แต่จะต่างตรงที่แบบบิ้วอิน จะเป็นการทำเฟอร์นิเจอร์แยกชิ้นส่วนแล้วมาประกอบติดตั้งที่หน้างานหรือตัวบ้าน แต่แบบลอยตัวจะทำมาเลยจากโรงงานเป็นแบบสำเร็จรูป
แบบเฟอร์นิเจอร์บิวท์อินก็มีข้อสังเกตเล็ก ๆ อยู่ตรงที่ ถ้าหากว่ามีปลวกขึ้นมากว่าจะสังเกตเห็นว่าเฟอร์นิเจอร์ปลวกขึ้นแล้วก็ต่อเมื่อปลวกมันกินเนื้อไม้เข้ามาระยะหนึ่งแล้วเท่านั้น อย่างไรก็แล้วแต่สามารถคุยกับโรงงานที่ผลิตเพื่อป้องกันปัญหานี้ได้เช่นกัน

2. การจัดวาง
อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าเฟอร์นิเจอร์แบบบิ้วอิน จะมีการออกแบบมาพร้อมกับตัวบ้าน ให้มีสัดส่วนและอัตราส่วนของมุมต่าง ๆ เข้ากับบ้าน นอกจากนี้ยังสามารถออกแบบให้เข้ากับ Theme หรือรูปแบบห้อง กำหนดจุดมุมอับหรือจุดซ่อนรายละเอียดที่เราไม่อยากให้คนอื่นเห็น เช่น ปลั๊กไฟ หลอดไฟต่าง ๆ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้แบบบิ้วอินสามารถกำหนดได้

แบบลอยตัวจะเป็นเฟอร์นิเจอร์สำเร็จรูปที่ออกแบบมาแล้วทำให้อาจจะไม่ตรงกับสัดส่วนของตัวห้องเท่ากับแบบบิ้วอิน โดยเฉพาะเรื่องการจัดวางมุมอับต่าง ๆ ที่อยากให้เฟอร์นิเจอร์ไปปิดหรือไปบัง ซึ่งตรงนี้ก็สามารถที่จะออกแบบและวางแผนการเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ให้เหมาะสมกับตัวบ้าน เพียงแค่อาจจะต้องใช้เวลาในการหาเฟอร์นิเจอร์ที่ชอบและตรงตามความต้องการเท่านั้น

เฟอร์นิเจอร์บิ้วอินกับเฟอร์นิเจอร์ลอยตัว

3. อายุการใช้งาน
ตามปกติแล้วทั้งแบบบิ้วอินและแบบลอยตัวอายุการใช้งานจะไม่ต่างกัน เนื่องจากวัสดุที่ทำแทบไม่ต่างกันเลย เพียงแต่แบบบิ้วอินจะมีโอกาสเกิดปลวกหรือเกิดเสียหายจากการสั่นสะเทือนของตัวบ้านโดยที่ไม่ได้ตั้งใจได้มากกว่า อย่างไรก็ดีปัญหาเหล่านี้สามารถแก้ได้ด้วยการพูดคุยกับโรงงานหรือบริษัทที่รับผลิต โดยอาจมีการการันตีอายุการใช้งานของเฟอร์นิเจอร์ซึ่งตรงนี้ก็แล้วแต่ตกลง

4. ราคา
แน่นอนว่าเฟอร์นิเจอร์บิวท์อินจะต้องมีราคาที่ค่อนข้างสูงมากกว่า เนื่องจากเป็นการผลิตแบบ 1 ชิ้นตามความต้องการของผู้อยู่อาศัย จำนวนน้อยราคาก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย สวนเฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัวก็จะมีราคาที่เบาลงมาหน่อย เนื่องจากเป็นเฟอร์นิเจอร์สำเร็จรูปที่ถูกออกแบบและสร้างมาให้เหมือน ๆ กัน ทำให้สามารถทำราคาให้ต่ำกว่าได้

ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความชอบและงบประมาณในการเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์สำหรับตกแต่งบ้านของแต่ละครอบครัว แต่ละบ้าน

เฟอร์นิเจอร์บิ้วอินกับเฟอร์นิเจอร์ลอยตัว

สำหรับคนที่ไม่ได้มีงบประมาณมากนัก สามารถเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัวแทนแบบบิ้วอินได้ เนื่องจากเวลาต้องการเคลื่อนย้ายตำแหน่ง หรือต้องการย้ายบ้าน เฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัวจะสะดวกมากกว่า

ทั้งหมดนี้ก็เป็นข้อมูลเกี่ยวกับเฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัวและแบบบิ้วอินว่าทั้ง 2 แบบแตกต่างกันอย่างไร มีข้อดีและข้อจำกัดของแต่ละหัวข้ออย่างไรบ้าง สุดท้ายแล้วในการตกแต่งบ้านก็ขึ้นอยู่กับตัวเจ้าของบ้านเองว่าท่านมีงบประมาณในมือเท่าไหร่ รสนิยมในการใช้เฟอร์นิเจอร์เป็นอย่างไร และมีแผนที่จะย้ายบ้านหรือเปล่า สุดท้ายก็นำสิ่งเหล่านี้มาวางแผนเพื่อประกอบการตัดสินใจในการเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์เข้าบ้าน
สุดท้ายหวังว่าบทความนี้จะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับผู้ที่ต้องการจะเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์เข้าบ้านนะครับ

 

กระเบื้องลอนคู่ ตราโอฬาร

กระเบื้องลอนคู่
มีลักษณะเป็นลอนห่าง เพื่อเพิ่มความแข็งแรง และการระบายน้ำได้ดี กระเบื้องมีน้ำหนักเบา เหมาะในการติดตั้งใช้งานง่าย กระเบื้องสีทุกแผ่น เคลือบด้วยสีพิเศษ 3 ชั้น ทนต่อทุกสภาวะอากาศให้สีสวยสดและเงางาม ไม่มีมลภาวะต่อธรรมชาติตลอดอายุการใช้งาน

 

กระเบื้องลอนคู่ โอฬาร จะมีสีให้เลือกทั้งหมด 4 ประเภท 

สีมาตรฐาน

สีพิเศษ

สีดับเปิ้ลโทน

สีเมทาลิค

ครอบกระเบื้องลอนคู่ Roman Tile Roof Ridge Accessories

การติดตั้งหลังคา ตราโอฬาร รุ่นลอนคู่ ต้องตัดมุมประเบื้องลอนคู่ และมุงแบบไม่สลับแผ่น เพื่อให้กระเบื้องซ้อนทับกันสนิท ทำหใ้หลังคาดูสวยงาม และขจัดปัญหาการรั่วซึมตามผังการตัดมุมกระเบื้องลอนคู่

 

เครดิต
https://www.oranvanich.co.th/

งานไม้เฌอร่า เทคโนโลยีทดแทนไม้ธรรมชาติในการตกแต่งบ้าน

งานไม้เฌอร่า 

ปัจจุบันนี้ การแต่งบ้านด้วยไม้ยังคงเป็นการแต่งบ้านสไตล์คลาสสิค อบอุ่น ดูเป็นธรรมชาติ ที่สำคัญยังดูทันสมัยไม่ตกยุคอีกด้วย แต่การใช้ไม้แท้ในการตกแต่งบ้านนั้นจะมีราคาค่อนข้างสูง วันนี้ผมเลยอยากพาผู้อ่านทุกท่านมารู้จักกับไม้ฝาเฌอร่า เทคโนโลยีทดแทนไม้ธรรมชาติในการตกแต่งบ้าน ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายให้ท่านได้อย่างมาก
ไม้ฝาเฌอร่าผลิตจากเทคโนโลยีไฟเบอร์ซีเมนต์ ที่มีส่วนประกอบของปูนซีเมนต์ ซิลิกา และเส้นใยเซลลูโลส ทำให้มีความแข็งแรง ทนทาน รองรับแรงกระแทกได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังทนได้กับทุกสภาพอากาศ ทนน้ำ ทนชื้น ทนไฟ ป้องกันเสียงได้เป็นอย่างดี สามารถดัดให้โค้งงอเพื่อให้เปลี่ยนรูปทรงได้ตามต้องการที่สำคัญคือปราศจากปัญหาปลวกกวนใจด้วย

ไม้ฝาเฌอร่ามีหลายแบบให้เลือกใช้ไม่ว่าจะเป็นสี เนื้อไม้ หรือแม้แต่ความหนาที่มีให้เลือกหลากหลาย ซึ่งไม้ฝาเฌอร่าแต่ละชนิดจะเหมาะกับวัตถุประสงค์ในการใช้งานที่แตกต่างกัน ดังนั้นในการเลือกใช้งานแต่ละแบบ ก็จะมีวัสดุและคุณสมบัติที่ใช้แตกต่างกันเช่นกัน

ผมเลยอยากพาผู้อ่านทุกท่านมารู้จักกับประเภทของไม้ฝาเฌอร่า พร้อมทั้งวัตถุประสงค์ในการใช้งานที่แตกต่างกันดังนี้

ไม้ฝาเฌอร่า 3 ประเภทเหมาะกับงานแบบไหนบ้าง?

1 ไม้พื้นเฌอร่า
ไม้พื้นเฌอร่าเป็นไม้พื้นเทียมหรือไม้พื้นสังเคราะห์ที่เกิดจากไฟเบอร์ซีเมนต์ ให้ความสวยงามเรียบง่ายตามแบบธรรมชาติ สามารถรับแรงกระแทกได้ดี ไม่มีปัญหาเรื่องการบิดตัว พองตัวหรือหดตัว มีขนาดกว้างประมาณ 4 ถึง 12 นิ้ว เหมาะสำหรับการปูพื้นในสวนนอกบ้าน ทางเดินบริเวณรอบสระว่ายน้ำ ทางเดินในสวน และพื้นที่พักผ่อนสำหรับเด็กๆ ในบ้านหรือโรงเรียน

2 ไม้ระแนงเฌอร่า
ไม้ระแนงเฌอร่าเป็นไม้ระแนงที่ทำจากไฟเบอร์ซีเมนต์ชนิดปราศจากใยหิน ทนต่อทุกสภาพอากาศ ไม่มีการโค้งงอหดตัว มักใช้เพื่อตกแต่ง และเป็นส่วนประกอบในโครงสร้างผนังหรือพื้นที่ว่างต่างๆ เพื่อเพิ่มความสวยงามโดดเด่น ตามสไตล์ของเจ้าของบ้าน

3 ไม้แผ่นลายเฌอร่า หรือเฌอร่าบอร์ด
ไม้แผ่นลายเฌอร่าหรือเฌอร่าบอร์ด เป็นการเพิ่มเทคโนโลยีคริสตัลเอ็นจิเนียริ่ง (crystal engineering Technology) ที่จะเพิ่มความแข็งแรงให้กับเทคโนโลยีไฟเบอร์ซีเมนต์และยังเพิ่มความสวยงาม ด้วยลวดลายต่างๆ ทำให้เป็นสไตล์โมเดิร์นขึ้นไปในตัว ตอบโจทย์ความต้องการของทุกสไตล์สถาปัตยกรรม

ไม้พื้นเฌอร่าสามารถใช้ในการตกแต่งส่วนต่างๆ ของบ้านได้ตามสไตล์ที่เจ้าของบ้านต้องการ
ทั้งนี้เนื่องจากการใช้ไม้เฌอร่าแทนไม้จริง ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการตกแต่งบ้านได้เป็นอย่างมาก ทำให้ปัจจุบันมีการเลือกใช้ไม้เทียมเหล่านี้มากขึ้น นอกจากนี้ก็ยังสามารถเลือกใช้ในการตกแต่งบ้านในสไตล์ต่างๆ ตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการได้อย่างดี ดังนั้นนอกจากจะเลือกไม้เฌอร่าจากการใช้งานหรือวัตถุประสงค์แล้ว ท่านควรจะเลือกไม้เฌอร่าจากไลฟ์สไตล์หรือรสนิยมที่ท่านต้องการด้วยเช่นกัน

คลิกติดต่อสั่งซื้อสินค้า

สินค้าแนะนำ

ปัญหาผนังรั่วซึมแก้ยังไงดี?

ปัญหาผนังรั่วซึมแก้ยังไงดี?

สวัสดีครับผู้อ่านทุกท่าน ต้องขอเล่าให้ฟังก่อนเลยว่าต้นเหตุของบทความนี้ก็คือ เมื่อไม่กี่วันก่อนบ้านของผู้เขียนเองเกิดปัญหาผนังรั่วซึม หลังจากแก้ปัญหาไปแล้วเลยรู้สึกว่า หัวข้อนี้น่าจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านหลายๆ ท่านที่กำลังเจอปัญหานี้ โดยเฉพาะช่วงที่ใกล้จะถึงหน้าฝนแบบนี้

ปัญหาผนังรั่วซึมแก้ยังไงดี?

ที่จริงแล้วปัญหาผนังรั่วซึมเกิดมาได้หลักๆ จาก 2 สาเหตุครับ สาเหตุแรกคือผนังมีรอยรั่ว และสาเหตุที่ 2 คือรอยรั่วนั้นสัมผัสกับน้ำหรือความชื้น ทำให้น้ำไหลผ่านรอยรั่วเข้ามาสู่ตัวบ้าน ซึ่งปัญหานี้เองที่จะส่งผลมาถึงปัญหาอีกหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น ความสึกกร่อนของตัวปูนตัวซีเมนต์และผนัง ความอันตรายจากการลื่นล้ม และที่อันตรายที่สุดเลยก็คือ หากน้ำซึมไปบริเวณที่มีปลั๊กไฟ ก็มีโอกาสทำให้เกิดไฟช็อต ไฟกระชาก หรืออาจหนักถึงไฟฟ้าลัดวงจรได้

วันนี้ผมเลยอยากพาผู้อ่านทุกท่านมารู้จักวิธีการแก้ปัญหาของทั้ง 2 สาเหตุ ข้างต้น โดยเรามาเริ่มกันที่สาเหตุแรก

ปัญหาผนังรั่วซึมแก้ยังไงดี?

1.ผนังมีรอยรั่ว

สาเหตุแรกคือผนังมีรอยรั่ว ซึ่งเหตุผลหลักๆที่ทำให้เกิดปัญหานี้คือ

  1. การก่อสร้าง กล่าวคือหลังจากมีการฉาบปูนไปแล้ว ในระหว่างนั้นเองมีการสูญเสียน้ำจากเนื้อปูนเร็วเกินไป ทำให้เมื่อปูนแห้งตัวไปแล้วเกิดเปราะ แตกหักหรือร้าวได้ง่าย
  2. อุณหภูมิ อุณหภูมิภายในห้องหรือภายในตัวบ้าน แตกต่างจากอุณหภูมิภายนอกมากจนเกินไป มีโอกาสทำให้เกิดแรงดึงแล้วทำให้ปูนอาจแตกร้าวได้
  3. การสั่นสะเทือนภายในตัวบ้าน ปัญหานี้มักเกิดขึ้นกับบ้านที่มีรถบรรทุกผ่านบ่อยๆ หรืออยู่ใกล้สนามบิน หรืออาจรวมถึงการใช้ชีวิตประจำวันที่ทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนภายในตัวบ้านด้วยเช่นกัน

ซึ่งวิธีป้องกันสามารถป้องกันได้ตั้งแต่การก่อสร้าง ควรเลือกทีมช่างที่มีประสบการณ์ ใช้ทีมวิศวกรและสถาปนิกที่คำนวณแบบบ้านมาอย่างดี
เพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าว แต่หากปัญหามันเกิดขึ้นมาแล้วก็สามารถแก้ได้ด้วย 3 วิธีดังนี้

ปัญหาผนังรั่วซึมแก้ยังไงดี?

  1. ถ้าลองเคาะตรงรอยแตกดูแล้วมีเสียงเหมือนเป็นโพรง แสดงว่าปูนไม่ติดผนังต้องทำการสกัดแล้วฉาบปูนใหม่ให้ติดผนัง
  2. ถ้าเคาะแล้วไม่มีเสียงโคลงแปลว่าปูนฉาบแน่น ให้ใช้วัสดุยืดหยุ่นเช่น วอลล์ พัตตี้ อุด ปาด ทิ้งไว้ให้แห้งแล้วค่อยทาสี
  3. ถ้าเป็นรอยร้าวลึก ให้ทำความสะอาดแล้วอุดด้วยอะคริลิค จากนั้นปาดแต่งผิวด้วย วอลล์ พัตตี้ ก่อนจะทาสี

ทั้งหมดนี้คือวิธีป้องกันและการแก้ไขปัญหาน้ำรั่วซึม ที่เกิดจากสาเหตุผนังแตกร้าว และสาเหตุถัดมานั่นก็คือ

2.ผนังที่มีรอยรั่วสัมผัสกับน้ำหรือความชื้น

สำหรับสาเหตุที่ 2 เรียกว่าเป็นหนึ่งในการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุเลยก็ว่าได้ เพราะบางครั้งเรามัวโฟกัสไปที่รอยร้าวของผนังหรือปูนอย่างเดียว แต่ในทางกลับกันต่อให้ปูนหรือผนังมีรอยร้าว (ซึ่งบางครั้งเกิดจากข้อจำกัดในพื้นที่ก่อสร้าง) แต่ถ้าผนังหรือรอยร้าวนั้นไม่ไปสัมผัสกับน้ำหรือความชื้นก็ไม่มีทางที่น้ำจะซึมผ่านปูนหรือผนังเข้ามาได้

ปัญหาผนังรั่วซึมแก้ยังไงดี?

ดังนั้น 1 ในอีกวิธีป้องกันที่ง่ายและทำได้ทันที นั่นคือการต่อกันสาดออกไปเพื่อป้องกันฝนหรือน้ำที่จะสาดลงมา ถ้าหากบ้านของท่านมีพื้นที่ที่สามารถต่อกันสาดหรือทำชายคาออกไปได้ นี่เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถป้องกันปัญหาได้ในระยะยาว โดยขึ้นอยู่กับงบประมาณ ความจำเป็น และข้อจำกัดในตัวบ้านของท่าน

ทั้งนี้ปัญหาทั้งหมดนี้จะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าหากท่านเลือกวัสดุหรือเลือกทีมงานในการสร้างบ้านที่มีคุณภาพค่อนข้างสูง ดังนั้นหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อทุกท่านที่กำลังจะสร้างบ้านนะครับ

คลิกติดต่อสั่งซื้อสินค้า

สินค้าแนะนำ

การเลือกใช้ ประตูห้องนอน ของคนไทย

ประตูในบ้านเยสโมลดิ้งถูก

การเลือกใช้ ประตูห้องนอน ของคนไทยมีอะไรบ้าง

    ประตูห้องนอน ส่วนประกอบแรกเมื่อเราก้าวเท้าเข้าห้อง  และส่วนประกอบหลักๆ ของห้องนอน เพราะห้องนอนคือพื้นที่ส่วนตัว ที่ถือว่าเป็นโซนโปรดของใครหลายๆคน และให้ความสำคัญอย่างมาก เปรียบเสมือนตัวบ่งชี้ ลักษณะของเจ้าของ สะท้อนบุคลิกของเจ้าของออกมได้ดีที่สุด ดังนั้น ประตูห้องนอน ถือเป็นสิ่งสำคัญในการเลือกมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของห้องนอน ซึ่งเหตุผลในการเลือกใช้ ก็จะมความแตกต่างกันออกไปเฉพาะบุคคล แต่ในบทความนี้ จะเสนอเหตุผลทั่วไปในการเลือกใช้ประตูห้องนอน ว่าส่วนใหญ่แล้ว ผู้คนทั่วไป เลือกประตูห้องนอนจากอะไรบ้าง

ประตูห้องนอน ที่คนไทยใช้กันมีกี่แบบ

     ก่อนอื่น เรามาเริ่มกันที่ ประเภทของประตู เจ้าของห้องต้องทราบก่อนว่า ประเภท ประตูห้องนอน มีกี่แบบ แต่ละแบบก็จะมีเอกลักษณ์เฉพาะ แตกต่างกันออกไป เลือกแบบไหนที่จะเหมาะกับห้องนอนของเรา อย่างเช่น วิธีใช้งาน พื้นที่สามารถติดตั้งได้หรือไม่ และที่สำคัญนอกจากเรื่องความสวยงามแล้ว ต่อคำนึงถึง เรื่องราคา และความเหมาะสมขององค์ประกอบโดยรวมภายในบ้านด้วย

 

  1. ประตูห้องนอน บานพับ

  ประตูบานพับ หรือเรียกอีกอย่างว่า ประตูบานสวิง ถือเป็นประตูที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะติดตั้งง่าย ดูแลรักษาง่าย มีทั้งแบบเดี่ยวและแบบคู่ ประบานพับ จะต่างกับ ประตูบานสวิง ตรงที่ สามารถเปิดปิดได้ทางเดียว แต่บานสวิง จะสามารถเปิดปิดได้ทั้ง 2 ทาง พื้นที่ในการใช้งานมาก เช่น ถ้าเป็นบานเดียว ต้องเผื่อที่ได้ 90 องศา และ 180 องศาในบานคู่

 

  1. ประตูห้องนอน บานเลื่อน

  ประตูประเภทนี้ เหมาะกับ บ้านที่มีพื้นที่จำกัด เพราะการติดตั้ง การใช้งาน ทำได้ในพื้นที่ที่น้อย ไม่จำเป็นต้องเผื่อพื้นที่ในการใช้งาน ถ้าบ้านไหนกำลังมองหาประตูห้องนอน ที่ต้องการจำกัดพื้นที่ ประตูประเภทบานเลื่อนก็ตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี

 

  1. ประตูห้องนอน บานเฟี้ยม

    ประตูบานเฟี้ยม เป็นประตูของห้องนอน ที่หลายคนให้ความสนใจ เพราะด้วยรูปแบบการติดตั้งและการใช้งาน ที่สวย สะดวก แบ่งสัดส่วนได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญ สามารถช่วยเปลี่ยนรูปแบบของห้องได้ไม่น่าเบื่อ ลักษณะการต่อกันของบานพับหลายๆอัน ทำให้การใช้งานสะดวก และดูโดเด่น เหมาะกับ พื้นที่กว้าง สามารถเปิดโล่งได้ รับลม ถ่ายเทอากาศได้เป็นอย่างดี

 

 

ประตูห้องนอนแต่ละสีให้ความรู้สึกอย่างไร 

ประตูภายในบ้านสีโอ๊ค

สีก็ถือว่าเป็น ปัจจัยสำคัญในการเลือกประตูห้องนอน เพราะนอกจากสีที่ดูสวยงาน คุมโทน หรือตัดกับสีห้องแล้ว ความสำคัญอีกอย่างคือ ห้องนอนสามารถที่จะถ่ายทอดอารมณ์และความรู้สึกต่างๆ ไปยังเจ้าของห้อง หรือผู้อยู่อาศัย ยกตัวอย่างเช่นที่เลือกสีประตูที่สบายดี ให้ความรู้สึกอบอุ่น ก็อาจจะทำให้ผู้อาศัย นอนหลับสนิทได้นั่นเอง และวันนี้เราจะมายกตัวอย่าง สีกลัก ที่นิยมเป็นสี ประตูห้องนอน และสีไหน จะให้ความรู้สึกแบบไหนบ้าง

 

  1. ประตูห้องสีน้ำเงิน โทนสีเข้มอย่างสีน้ำเงินให้ความรู้สึกหนักแน่น จริงใจ ให้ความรู้สึกแข็งแรง

 

  1. ประตูห้องสีเขียว หากคุณอยากมีความรู้สึกเหมือนนอนพักผ่อนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ สีเขียวเป็นสีที่ดีที่สุด ให้ความรู้สึกสบายตา

 

  1. ทาสีภายในห้องนอนด้วยชมพูเอาใจสายหวานด้วยการทาสีภายในห้องนอนด้วยสีชมพู สีชมพู จะให้ความนุ่มนวล และสื่อถึง ความรู้สึกดีๆ
  1. ประตูห้องสีม่วงโทนสีม่วงให้ความรู้สึกหรูหรา พร้อมกับมีความน่าค้นหา
  1. ประตูห้องสีน้ำตาลหากคุณอยากให้ห้องนอนดูสงบ คุณควรเลือกใช้ประตูห้อนนอนสีน้ำตาล เป็นสีที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นที่สุด
  1. ประตูห้องสีเหลืองสีโทนสว่างให้ความรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่าได้เป็นอย่างดีในยามตื่นนอน
  2. ประตูห้องสีเทาโทนสีเทา เป็นโทนสีให้ความรู้สึกผ่อนคลายและความรู้สึกสบาย เป็นสีพื้นฐานที่เข้ากับทุกความรู้สึกและไม่น่าเบื่อ
  1. ประตูห้องสีฟ้าสีฟ้าเป็นสีโทนเย็นที่ความรู้สึกผ่อนคลายที่สุด ทำให้นอนหลับสบาย ส่งผลทางด้านอารมณ์ให้มีความสุข เบิกบาน สดชื่น ซึ่งคุณสามารถเลือกจับคู่กับโทนสีขาว สีเทาอ่อน สีเขียวอมเทา จะทำให้ห้องนอนของคุณน่าอยู่มากขึ้น

 

ประตูห้องสีขาว

ประตูห้องนอนที่ดีต้องวางแบบไหนให้ถูกหลังฮวงจุ้ย

       อีกหนึ่งปัจจัยที่คนไทยนิยมนำมาช่วยตัดสินใจเลือกใช้ ประตูห้องนอน ว่าจะเลือกใช้แบบไหนดี สีไหนดี ก็คือเรื่องของความเชื่อตามศาสตร์ฮวงจุ้ย เพราะเป็นศาสตร์ที่ส่งผลต่อพลังงานภายในห้อง ซึ่งห้องนอนถือเป็นห้องที่ใช้พักผ่อน เติมเต็มพลังชีวิต ดังนั้น เพื่อความสบายใจและช่วยสร้างพลังให้กับเจ้าของ

      การเลือกตามหลักฮวงจุ้ย จึงถูกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งด้วย แต่ก็ถือเป็นความเชื่อส่วนบุคคล ทุกคนสามารถเลือกใช้ประตูตามสี รูปแบบสไตล์ที่ตนเองชอบได้ ไม่จำเป็นต้องยึดหลักศาสตร์นี้เสมอไป เช่นตามฮวงจุ้ยแล้ว ไม่ควรวางประตูให้เปิดทะลุถึงกัน แต่สำหรับห้องที่มีพื้นที่จำกัด เราก็สามารถใช้วิธีอื่นได้ หรือตำแหน่งการวางที่จับประตู ว่าซ้ายหรือขวา เรื่องนี้เราสามารถเลือกที่เราถนัด เหมาะกับการใช้งาน ก็ได้เช่นกัน อย่างที่บอกว่าฮวงจุ้ย เป็นความเชื่อส่วนบุคคล แต่ต้องคำนึงถึงการใช้งานเป็นหลักด้วย

 

จุดเด่นของประตูเยสโมลดิ้ง

ประตูห้องนอน เยส โมลดิ้ง โพลีสไตรีน ดีกว่า ประตู UPVC อย่างไร

    ประตูห้องนอนในปัจจุบัน ใช้วัสดุหลากหลายชนิด แต่ละชนิดจะมีจุดเด่นและจุดด้อยแตกต่างกันออกไป ซึ่งครั้งนี้จะขอยกตัวอย่าง วัสดุที่เรียกได้ว่า นิยมมาสร้างประตูมากที่สุดในปัจจุบัน นั่นคือ วัสดุ UPVC กับ โพลีสไตรีน ที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกัน จะมาเปรียบเทียบให้เห็นถึงข้อดีข้อเสียต่างๆว่าแต่ละชนิดมีข้อดีข้อเสียต่างกันยังไง

 

จุดเด่น ประตูห้องนอน เยส โมลดิ้ง โพลีสไตรีน 

 

   ด้วยนวัตกรรมส่วนผสม ไฮอิมแพ็คโพลีสไตรีน (HIPS) ทำให้ได้วัสดุชนิดใหม่ขึ้นมา ที่ราคาค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับวัสดุชนิดอื่นๆเป็นวัสดุที่ผลิตจากธรรมชาติ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่ยังคงความเป็นวัสดุที่มีคุณสมบัติพิเศษ แข็งแรง ทนทาน

 

    น้ำหนักที่เบาติดตั้งง่าย ปลวกมอดไม่สามารถกัดกินได้ ไม่ซึม ไม่บวมน้ำ ไม่ก่อให้เกิดเชื้อรา ไม่หดหรือพองตัว ไม่สามารถติดไปได้ ลวดลายความสวยคมชัด มีอายุการใช้งานที่นาน ตัวผิววัสดุสามารถทำความสะอาดได้ง่าย ดังนั้นคุณสมบัติแบบนี้ จึงทำให้ โพลีสไตรีน เหมาะที่จะถูกนำมาทำเป็นอุปกรณ์ต่างๆ และ หนึ่งในนั้นก็คือประตูห้องนอน

 

จุดเด่น ประตูห้องนอน UPVC 

 

ประตูห้องนอน UPVC เป็นการนำ โพลีเมอร์มาผลิตขึ้นรูปด้วยนวัตกรรมใหม่เพิ่มประสิทธิภาพให้วัสดุแข็งแรงทนทาน ทนต่อสารเคมีชนิดต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น มีความแข็งแรงมากกว่า PVC ทั่วไป โครงไม้สังเคราะห์ผสมคาร์บอน กันปลวก กันน้ำ ปรับไสได้เหมือนไม้ ป้องกันเสียงและอุณหภูมิได้ สำหรับใช้งานเป็น ประตูห้องนอน ที่ต้องการทั้งความสวยและความคงทน และเป็นประตูบ้านที่มีรูปลักษณะในแบบเรียบหรู แต่ราคาค่อนข้างพง และปรับแต่งลวดลายได้ไม่หลากหลาย หรือพูดอีกอย่างก็คือ ประตูที่ทำด้วย UPVC จะมีลายและสีให้เลือกน้อย ไม่สามารถปรับแต่งลวดลายได้ตามใจชอบผู้ใช้งานนั่นเอง

 

 

ทำไมประตูห้อง Polystyrene ต้องยี่ห้อ Yes Moulding 

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า ปัจจุบัน ประตูห้อง แบบ Polystyrene ถูกผลิตออกมาหลากหลายยี่ห้อมาก แต่ที่แอดเลือกให้ Yes Moulding ดีที่สุด เพราะว่า ยี่ห้อนี้ไว้ใจได้เรื่องคุณภาพแน่นอน มีรูปแบบให้เลือกมากที่สุด เป็นยี่ห้อเดียวที่โดดเด่นวัสดุ Polystyrene มากกว่าทุกยี่ห้อ และยังการันตีรีวิวจากช่าง และ ผู้ใช้จริง ว่าทนทาน คุณภาพได้มาตรฐานแน่นอน ยี่ห้อนี้รับรองไม่ทำให้ผิดหวัง

 

ขอขอบคุณลูกค้าของเรา

bg_image

ChinaStateConstruction
ถ.เพชรบุรี กทม.

งานประตูภายในบ้านลายไม้ ราคาถูก ผู้รับเหมามีกำไร
bg_image

บ้านคุณบุญชนะ
อ เมือง จ ระนอง

ตกแต่งสไตล์เข้มๆ ประตูภายในเลียนแบบไม้จริง

    สนใจสั่งซื้อประตูห้องน้ำ ประตุภายในบ้าน วงกบประตู คิ้วบัว บานซิงค์ ไม้พื้น SPC ทักแชทขอใบเสนอราคาแอดมินที่นี่ LineOA:@bwatsad

 

รู้จักคอนกรีต 5 ประเภทก่อนเลือกใช้

คอนกรีต หรือปูนซีเมนต์ เป็นวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างชนิดหนึ่ง ปัจจุบันนี้มีคอนกรีตอยู่มากมาย จึงต้องหาความรู้เพื่อนำมาใช้งาน
คอนกรีตที่พร้อมใช้ ต้องอยู่ในสภาพเหลว เพื่อสะดวกในการเทในแบบ เมื่อแข็งตัวจึงจะแกะแบบออกได้ และใช้เป็นโครงสร้างอาคารหรือแบบที่ต้องการ โดยต้องมีเหล็กที่สามารถรับแรงอัดและดึงได้สูงเป็นโครงสร้างอยู่ภายใน ซึ่งจะใช้งานได้ตามต้องการ

คอนกรีตสามารถแบ่งออกได้หลายประเภท เนื่องจากส่วนผสมที่เป็น ผงซีเมนต์ จะมีคุณสมบัติที่ต่างกัน โดยทั่วไปแล้วจะแบ่งออกได้เป็น 5 ประเภท ดังนี้
คอนกรีตประเภทที่ 1 ประเภทที่ 3 และประเภทที่ 5 คือ ซีเมนต์สำหรับโครงสร้างที่ป้องกันการกัดกร่อน เหมาะกับโครงสร้างที่อยู่ใกล้ทะเล หรือในทะเลที่มีความเค็มสูง ซึ่งต้องสามารถทนการกัดกร่อนได้เป็นอย่างดี

นอกจากนั้นยังมีซีเมนต์อีกประเภทหนึ่งที่ไม่เหมาะกับการใช้งานทำโครงสร้าง เนื่องจากมีกำลังอัดที่ต่ำ แต่เหมาะกับการให้งานฉาบก่อสร้างมากกว่าดังนั้นซีเมนต์ที่ขายอยู่ที่ร้านวัสดุจะมีให้เลือกเพียง 2 ประเภทเท่านั้น ได้แก่

ซีเมนประเภทที่ 1 หรือ ซีเมนต์ปอทแลนด์ สำหรับโครงสร้าง และ ซีเมนต์ที่ใช้สำหรับงานก่อฉาบ ยี่ห้อปูนที่มีอยู่ในตลาดปัจจุบันมีอยู่ 2 บริษัทใหญ่ ๆ คือ กลุ่มบริษัทปูนซีเมนต์ไทย และกลุ่มบริษัททีพีไอ กลุ่มของปูนซีเมนต์ไทย ปูนสำหรับโครงสร้างคือปูนตราช้าง และสำหรับก่อฉาบคือปูนตราเสือ
ส่วนกลุ่มทีพีไอ ปูนสำหรับโครงสร้างคือปูนแดง ส่วนที่ใช้ก่อฉาบคือปูนเขียว ส่วนของบริษัทอื่น ๆ ก็มีปูน 2 ประเภทเช่นกัน ถ้าเจ้าของงานก่อสร้างต้องซื้อปูนให้ผู้รับเหมา ต้องทราบชนิดของปูนซีเมนต์ให้ดี เพื่อจะได้ใช้งานได้ถูกต้อง

คุณภาพของคอนกรีต
ในมุมของการก่อสร้าง มีตัววัดคุณภาพของคอนกรีต คือ ต้องมีกำลังอัดเมื่ออายุครบ 28 วัน ซึ่งมีหน่วยเป็น Ksc (Kilogram per Squar Centimeter) ซึ่งถ้าต้องการทราบค่าต้องทดสอบในห้องปฏิบัติการเท่านั้น โดยเฉพาะงานที่มีข้อกำหนดพิเศษ เนื่องจากงานก่อสร้างในบ้านเรามีผู้รับเหมาะหลายระดับ อาจทำให้คุณภาพของคอนกรีตไม่เป็นไปตามที่ต้องการ เนื่องจากมีการผสมเองบ้างเป็นบางส่วน ซึ่งอาจทำให้กำลังอัดไม่ได้ตามที่ต้องการ สำหรับปัญหานี้จึงมีกฎหมายกำหนดไว้ให้วิศวกรโครงสร้างเท่านั้นที่จะเป็นผู้รับผิดชอบและต้องมีการกำหนดแรงอัดของคอนกรีตไว้ ไม่ว่าจะผสมอย่างไรงานต้องออกมา และเป็นไปตามข้อกำหนดเท่านั้น ยกเว้นอาคารที่มีการควบคุมคุณภาพพิเศษ จึงจะผสมคอนกรีตอัดแรงสูงได้

การเลือกใช้งานคอนกรีตที่ถูกต้อง
ถ้าต้องการคอนกรีตที่มีกำลังอัดให้ได้มาตาฐานต้องใช้คอนกรีตผสมเสร็จที่ผลิตจากโรงงานคอนกรีตที่ได้มาตรฐานเท่านั้น เพราะจะได้คอนกรีตที่เหมาะสมกับงานเป็นอย่างดี และสามารถตรวจสอบได้ว่ามีกำลังอัดเท่าไหร่ การก่อสร้างบ้านที่อยู่อาศัยทั่วไป แนะนำให้ใช้ให้คอนกรีตที่มีกำลังอัดอยู่ที่ 210 Ksc หรือ 240 Ksc ก็เพียงพอ

ดูร่าวันซีเมนต์บอร์ด เรียบเนียน สวย มีดีไซน์

ดูร่าวันซีเมนต์บอร์ด เป็นแผ่นไม้อัดซีเมนต์ ที่รวมเอาคุณสมบัติเด่น ขอบไม้ และซีเมนต์เข้าไว้ด้วยกันจึงได้วัสดุที่แข็งแรงทนทานเหมือนซีเมนต์ แต่ยังคงคุณสมบัติที่ยืดหยุ่นและตัดง่ายเหมือนไม้ ด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย ผสมผสานเนื้อปูนซิเมนต์ปอร์ตแลนด์ เข้ากับชิ้นไม้ที่ผ่านการสับและบดจนละเอียด ทําให้ดูร่าอันซีเมนต์บอร์ด สวย เรียบเนียน แข็งแรง ทนทานทุกสภาพอากาศ น้ำหนักเบา ยืดหยุ่น ปราศจากแร่ใยหิน และไม่มีปัญหาเรื่องปลวกกิน ใช้งานได้หลากหลาย ทั้งงานทั้งบานผนัง งานพื้น แผ่นรอบวัสดุ และงานตกแต่ง

จุดเด่น ดูร่าวันซีเมนต์บอร์ด

  1. สวย ด้วยผิวหน้าสไตล์ปูนเปลือย เหมาะกับงานตกแต่งที่เน้นการโชว์พื้นผิว
  2. ผิวเรียบเนียน ด้วยเทคโนโลยีการผลิตทันสมัย ที่ผสานปูนกับไม้กันอย่างลงตัว
  3. แข็งแรง ทนทาน ด้วยคุณสมบัติของซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ และไม้ธรรมชาติ
  4. รับน้ำหนักได้มากกว่า มั่นใจ รับน้ำหนักได้มากกว่าวัสดุประเภทอื่น
  5. ประหยัดเวลา และค่าแรง ติดตั้งง่ายกว่า บานเสร็งไว
  6. ไม่ลามไฟ ผ่านมาตรฐานการทนไฟ ปลอดภัย
  7. ปลวกไม่กิน ปลอดภัยจากปลวก และแมลงศัตรูไม้
  8. ปลอดภัยต่อสุขภาพ ไม่มีส่วนผสมของแร่ใยหิน

ใครสนใจสามารถสอบถามสั่งซื้อได้ที่
บริษัท ไทยนพวงศ์ ค้าไม้ จำกัด
9/1 หมู่ที่ 7 ตำบลหน้าไม้ อำเภอ ลาดหลุมแก้ว
จังหวัดปทุมธานี 12140

เครดิต
https://www.dura-brand.com/

แต่งบ้านสไตล์ลอฟท์ต้องรู้ ปูนเปลือย ปูนขัดมัน ปูนลอฟท์คืออะไร แตกต่างกันตรงไหน

แต่งบ้านสไตล์ลอฟท์

แต่งบ้านสไตล์ลอฟท์ต้องรู้ ปูนเปลือย ปูนขัดมัน ปูนลอฟท์คืออะไร แตกต่างกันตรงไหน

ทุกวันนี้ปฏิเสธไม่ได้เลยนะครับว่าการแต่งบ้านสไตล์ลอฟท์ เป็นที่นิยมในหมู่คนวงกว้างมากขึ้น เนื่องจากเป็นการแต่งบ้านในสไตล์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีความสวยงามในแบบโมเดิร์น ทำให้สามารถพบเห็นได้ทั่วไปไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือนร้านกาแฟหรือแม้แต่อาคารสำนักงานให้เช่าต่าง ๆ ก็มีโอกาสที่จะทำเป็นสไตล์ลอฟท์

แต่งบ้านสไตล์ลอฟท์

แต่สำหรับเจ้าของบ้านหรือเจ้าของอาคารที่ต้องการจะทำบ้านสไตล์ลอฟท์ บางครั้งก็จะมีอาการงงกับคำศัพท์แปลก ๆ อย่างเช่น ปูนดิบ ปูนเปลือย ปูนขัดมัน ปูนลอฟท์ สรุปว่ามันคืออะไรกันแน่แล้วมันต่างกันอย่างไร วันนี้เลยอยากเอาความหมายที่แท้จริงของปูนทั้ง 3 ชนิดมาบอกกับทุกคนที่ต้องการจะทำบ้านออกมาเป็นสไตล์ลอฟท์เพื่อนำข้อมูลไปคุยกับช่างที่หน้างานได้อย่างถูกต้อง

1. ปูนเปลือย

ถ้าจะพูดแบบเข้าใจง่าย ๆ ปูนเปลือยคือ ผนังที่เป็นผิวของคอนกรีตโครงสร้างซึ่งไม่ใช่ผนังก่อ ยกตัวอย่างเช่น ช่างมีการเอาแม่แบบมาก่อแล้วเอาคอนกรีตเทปูนลงไปในแบบหลังจากที่ปูนแห้งก็แกะแบบออก และไม่มีการฉาบปูนผนังไว้แบบนั้นเลยไม่มีการปิดร่องรอยของแม่แบบหรือการเทปูน

หลายครั้งก็มีการออกแบบผนังผ่านตัวแม่แบบ โดยมีการกำหนดหรือว่าผนังปูนเปลือยที่ออกมาจะมีหน้าตาประมาณไหน จากนั้นก็ทำแม่แบบให้มี Texture แบบนั้น เมื่อเทปูนไปแล้วปูนแห้งแล้วแกะแบบออกมา ก็จะมีลวดลายตามที่ต้องการ

ซึ่งสิ่งที่ควรทำหลังจากทำผนังปูนเปลือยเสร็จคือ ควรมีการทาน้ำยาเคลือบโดยเป็นแบบมันหรือแบบด้านก็ได้ เพื่อป้องกันผิวหน้าจากเชื้อราและความชื้น

แต่งบ้านสไตล์ลอฟท์

2. ปูนหรือผนังขัดมัน

เป็นการขัดมันสด ๆ ตอนที่ฉาบผนังเสร็จโดยวิธีการคือ ช่างจะทำการฉาบรองพื้นก่อน 1 ชั้น รอให้ปูนแห้งหมาดไม่ให้สนิท แล้วมีการฉาบทับอีก 1 ชั้น แล้วการสาดปูนหรือสาดสีลงไปตามที่ออกแบบ จากนั้นจึงใช้เกรียงขัดมันปั่นเพื่อให้ผนังมัน ซึ่งกระบวนการตรงนี้ใช้เวลาค่อนข้างนานจึงทำให้ผนังที่ใช้วิธีแบบนี้ไม่ได้เป็นที่นิยมมากนักและจำเป็นต้องใช้ช่างที่มีฝีมือที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้านมากๆ

3. ปูนลอฟท์หรือสีลอฟท์

เป็นการนำปูนลอฟท์หรือสีลอฟท์มาทาปิดผนังที่ฉาบเสร็จแล้ว หรืออาจจะเป็นผนังเก่าที่ต้องการจะรีโนเวทใหม่เป็นสไตล์ลอฟท์ก็ได้ วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดรวดเร็วที่สุดและเป็นที่นิยมที่สุดในปัจจุบันนี้ เพราะสามารถหาซื้อได้ง่าย ใช้งานง่ายสามารถนำมา DIY ทำเองที่บ้านได้เลย หลังจากทำผนังเสร็จแล้วก็ควรทาเคลือบด้วยน้ำยาเพื่อป้องกันเชื้อราและความชื้นเช่นเดียวกัน

แต่งบ้านสไตล์ลอฟท์

ข้อสังเกตสำคัญที่คุณต้องคำนึงถึงถ้าอยากทำลอฟท์

จุดสังเกตที่สำคัญที่สุดของคนที่อยากทำสไตล์ลอฟท์คือ ถ้าเกิดปัญหาผนังร้าวขึ้นมาจะซ่อมไม่ได้ ซึ่งไม่ได้หมายความว่าจะอุดด้วยวัสดุต่าง ๆ ไม่ได้ คุณยังสามารถอุดด้วยพัตตี้ PU หรือซิลิโคนต่าง ๆ ได้ แต่มันก็ยังทิ้งร่องรอยการซ่อมเอาไว้

แต่ในข้อเสียก็มีข้อดี เพราะรอยแตกนี้เป็นรอยแตกที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ คุณสามารถทาด้วยน้ำยาเคลือบเพื่อป้องกันเชื้อราและป้องกันความชื้น จากนั้นก็ปล่อยให้ลอยค้างไว้บนผนังแบบนั้นก็ได้ เพราะในหลาย ๆ คนก็มองว่ารอยแตกตอนนั้นเป็นศิลปะลอฟท์ชนิดหนึ่งเหมือนกัน

คลิกติดต่อสั่งซื้อสินค้า

สินค้าแนะนำ

วิธีเลือกเครื่องปั๊มน้ำอัตโนมัติ ให้เหมาะกับบ้านของคุณ

เลือกปั๊มน้ำอัตโนมัติอย่างไรให้เหมาะกับบ้าน

เครื่องปั๊มน้ำอัตโนมัติมีหน้าที่ช่วยเพิ่มแรงดันน้ำในท่อให้มีมากขึ้น เพื่อให้เพียงพอหรือเหมาะสมกับการใช้งานในบ้าน ยิ่งบ้านมีจำนวนชั้นที่สูงขึ้นและจำนวนคนในบ้านที่มากขึ้นก็จะมีผลต่อการเลือกใช้เครื่องปั๊มน้ำอัตโนมัติเพื่อให้เหมาะสมพอดีกับการใช้งานในบ้านต่างกัน จะได้มีน้ำใช้จากก๊อกน้ำต่าง ๆ ในบ้านที่ไม่ไหลเบาจนเกินไปจนทำให้ใช้งานไม่สะดวกนะครับ

เลือกปั๊มน้ำอัตโนมัติอย่างไรให้เหมาะกับบ้าน

สิ่งที่ควรคำนึงก่อนติดตั้งเครื่องปั๊มน้ำอัตโนมัติ

1.จุดใช้น้ำทั้งหมดในบ้าน เช่นฝักบัวอาบน้ำ ก๊อกน้ำซิงค์ล้างจาน หรือสายยางรดน้ำต้นไม้ เพื่อจะได้รู้ปริมาณที่จะใช้น้ำพร้อมกันจากก๊อกน้ำที่มีทั้งหมด
2.จำนวนชั้นของบ้านมีกี่ชั้นที่ต้องส่งแรงดันน้ำขึ้นไป

เลือกปั๊มน้ำอัตโนมัติอย่างไรให้เหมาะกับบ้าน

3.รู้จำนวนคนในบ้าน (เพื่อคำนวณโอกาสการใช้น้ำพร้อม ๆ กัน)
การเลือกขนาดปั๊มที่เหมาะสม(วัตต์) ขึ้นอยู่กับลักษณะบ้านและการใช้งาน โดยมีสูตรสำเร็จเพื่อให้ง่ายต่อการเลือกดังต่อไปนี้

100 วัตต์ เหมาะกับบ้านไม่เกิน 2 ชั้น มีการใช้น้ำพร้อมกันไม่เกิน 2 จุด
150 วัตต์ เหมาะกับบ้านไม่เกิน 2 ชั้น มีการใช้น้ำพร้อมกันไม่เกิน 2 จุด มีเครื่องทำน้ำอุ่น 1 เครื่อง
200 วัตต์ เหมาะกับบ้านไม่เกิน 3 ชั้น มีการใช้น้ำพร้อมกันไม่เกิน 2 จุด มีเครื่องทำน้ำอุ่น 1 เครื่อง
250 วัตต์ เหมาะกับบ้านไม่เกิน 4 ชั้น มีการใช้น้ำพร้อมกันไม่เกิน 3 จุด มีเครื่องทำน้ำอุ่น 1 เครื่อง
300 วัตต์ เหมาะบ้านไม่เกิน 4 ชั้น มีการใช้น้ำพร้อมกันไม่เกิน 3 จุด มีเครื่องทำน้ำอุ่น 2 เครื่อง

เลือกปั๊มน้ำอัตโนมัติอย่างไรให้เหมาะกับบ้าน

จะเห็นว่ายิ่งมีการใช้น้ำพร้อมกันหลายจุดการเลือกเครื่องปั๊มน้ำจะเปลี่ยนไปตามความจำเป็นการใช้งาน

สิ่งที่ควรรู้ก่อนติดตั้งเครื่องปั๊มน้ำอัตโนมัติคือ “ต้องมีถังน้ำ”

เครื่องปั๊มน้ำอัตโนมัติห้ามต่อท่อตรงจากท่อประปาโดยตรงเนื่องจากผิดกฎหมายตามข้อบังคับ กปน. ฉบับที่ 26 การดึงน้ำจากท่อประปาสาธารณะมาใช้เฉพาะบ้านตนเองยังส่งผลให้เพื่อนบ้านได้รับความเดือดร้อนจากปริมาณน้ำที่น้อยลงและอาจส่งความเสียหายต่อระบบท่อภายในบ้านของเราเองด้วยครับ วิธีที่ถูกต้องคือ ต่อท่อน้ำประปาจ่ายน้ำเข้าในถังเก็บน้ำก่อน แล้วจึงค่อยต่อปั๊มน้ำกับถังเก็บน้ำ

เลือกปั๊มน้ำอัตโนมัติอย่างไรให้เหมาะกับบ้าน

เครื่องปั๊มน้ำควรมีระบบตรวจสอบความผิดปกติของน้ำ

เครื่องปั๊มน้ำที่ดีควรมีเครื่องหมาย มอก. รับรอง พร้อมเทคโนโลยีระบบตรวจสอบความผิดปกติและตัดการทำงานอัตโนมัติ อาทิ การป้องกันแรงดันเกินจากท่อประปาที่ส่งน้ำมาแรงเกิน มีเซนเซอร์แจ้งเตือนกรณีน้ำแห้งหรือน้ำขาด (Dry-running protection) และกรณีท่อรั่ว ปิดวาล์วน้ำไม่สนิท ปั๊มน้ำจะส่งสัญญาณแจ้งเตือนหน้าตัวเครื่อง พร้อมกับปิดการทำงานให้อัตโนมัติ เพื่อป้องกันด้านความปลอดภัยและแจ้งให้ผู้ใช้ทราบได้ว่ามีจุดรั่วไหล

หวังว่าข้อมูลบทความนี้จะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจเลือกเครื่องปั้มน้ำให้กับบ้านของผู้อ่านเพื่อให้ใช้เครื่องปั้มน้ำแบบไม่มีปัญหา

คลิกติดต่อสั่งซื้อสินค้า

สินค้าแนะนำ