วิธีเลือกเครื่องปั๊มน้ำอัตโนมัติ ให้เหมาะกับบ้านของคุณ

เลือกปั๊มน้ำอัตโนมัติอย่างไรให้เหมาะกับบ้าน

เครื่องปั๊มน้ำอัตโนมัติมีหน้าที่ช่วยเพิ่มแรงดันน้ำในท่อให้มีมากขึ้น เพื่อให้เพียงพอหรือเหมาะสมกับการใช้งานในบ้าน ยิ่งบ้านมีจำนวนชั้นที่สูงขึ้นและจำนวนคนในบ้านที่มากขึ้นก็จะมีผลต่อการเลือกใช้เครื่องปั๊มน้ำอัตโนมัติเพื่อให้เหมาะสมพอดีกับการใช้งานในบ้านต่างกัน จะได้มีน้ำใช้จากก๊อกน้ำต่าง ๆ ในบ้านที่ไม่ไหลเบาจนเกินไปจนทำให้ใช้งานไม่สะดวกนะครับ

เลือกปั๊มน้ำอัตโนมัติอย่างไรให้เหมาะกับบ้าน

สิ่งที่ควรคำนึงก่อนติดตั้งเครื่องปั๊มน้ำอัตโนมัติ

1.จุดใช้น้ำทั้งหมดในบ้าน เช่นฝักบัวอาบน้ำ ก๊อกน้ำซิงค์ล้างจาน หรือสายยางรดน้ำต้นไม้ เพื่อจะได้รู้ปริมาณที่จะใช้น้ำพร้อมกันจากก๊อกน้ำที่มีทั้งหมด
2.จำนวนชั้นของบ้านมีกี่ชั้นที่ต้องส่งแรงดันน้ำขึ้นไป

เลือกปั๊มน้ำอัตโนมัติอย่างไรให้เหมาะกับบ้าน

3.รู้จำนวนคนในบ้าน (เพื่อคำนวณโอกาสการใช้น้ำพร้อม ๆ กัน)
การเลือกขนาดปั๊มที่เหมาะสม(วัตต์) ขึ้นอยู่กับลักษณะบ้านและการใช้งาน โดยมีสูตรสำเร็จเพื่อให้ง่ายต่อการเลือกดังต่อไปนี้

100 วัตต์ เหมาะกับบ้านไม่เกิน 2 ชั้น มีการใช้น้ำพร้อมกันไม่เกิน 2 จุด
150 วัตต์ เหมาะกับบ้านไม่เกิน 2 ชั้น มีการใช้น้ำพร้อมกันไม่เกิน 2 จุด มีเครื่องทำน้ำอุ่น 1 เครื่อง
200 วัตต์ เหมาะกับบ้านไม่เกิน 3 ชั้น มีการใช้น้ำพร้อมกันไม่เกิน 2 จุด มีเครื่องทำน้ำอุ่น 1 เครื่อง
250 วัตต์ เหมาะกับบ้านไม่เกิน 4 ชั้น มีการใช้น้ำพร้อมกันไม่เกิน 3 จุด มีเครื่องทำน้ำอุ่น 1 เครื่อง
300 วัตต์ เหมาะบ้านไม่เกิน 4 ชั้น มีการใช้น้ำพร้อมกันไม่เกิน 3 จุด มีเครื่องทำน้ำอุ่น 2 เครื่อง

เลือกปั๊มน้ำอัตโนมัติอย่างไรให้เหมาะกับบ้าน

จะเห็นว่ายิ่งมีการใช้น้ำพร้อมกันหลายจุดการเลือกเครื่องปั๊มน้ำจะเปลี่ยนไปตามความจำเป็นการใช้งาน

สิ่งที่ควรรู้ก่อนติดตั้งเครื่องปั๊มน้ำอัตโนมัติคือ “ต้องมีถังน้ำ”

เครื่องปั๊มน้ำอัตโนมัติห้ามต่อท่อตรงจากท่อประปาโดยตรงเนื่องจากผิดกฎหมายตามข้อบังคับ กปน. ฉบับที่ 26 การดึงน้ำจากท่อประปาสาธารณะมาใช้เฉพาะบ้านตนเองยังส่งผลให้เพื่อนบ้านได้รับความเดือดร้อนจากปริมาณน้ำที่น้อยลงและอาจส่งความเสียหายต่อระบบท่อภายในบ้านของเราเองด้วยครับ วิธีที่ถูกต้องคือ ต่อท่อน้ำประปาจ่ายน้ำเข้าในถังเก็บน้ำก่อน แล้วจึงค่อยต่อปั๊มน้ำกับถังเก็บน้ำ

เลือกปั๊มน้ำอัตโนมัติอย่างไรให้เหมาะกับบ้าน

เครื่องปั๊มน้ำควรมีระบบตรวจสอบความผิดปกติของน้ำ

เครื่องปั๊มน้ำที่ดีควรมีเครื่องหมาย มอก. รับรอง พร้อมเทคโนโลยีระบบตรวจสอบความผิดปกติและตัดการทำงานอัตโนมัติ อาทิ การป้องกันแรงดันเกินจากท่อประปาที่ส่งน้ำมาแรงเกิน มีเซนเซอร์แจ้งเตือนกรณีน้ำแห้งหรือน้ำขาด (Dry-running protection) และกรณีท่อรั่ว ปิดวาล์วน้ำไม่สนิท ปั๊มน้ำจะส่งสัญญาณแจ้งเตือนหน้าตัวเครื่อง พร้อมกับปิดการทำงานให้อัตโนมัติ เพื่อป้องกันด้านความปลอดภัยและแจ้งให้ผู้ใช้ทราบได้ว่ามีจุดรั่วไหล

หวังว่าข้อมูลบทความนี้จะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจเลือกเครื่องปั้มน้ำให้กับบ้านของผู้อ่านเพื่อให้ใช้เครื่องปั้มน้ำแบบไม่มีปัญหา

คลิกติดต่อสั่งซื้อสินค้า

สินค้าแนะนำ

ปรับห้องนอนเพื่อความปลอดภัยสำหรับเด็ก

ปรับห้องนอนเพื่อความปลอดภัยสำหรับเด็ก

สำหรับครอบครัวที่กำลังจะมีลูก หรือลูกกำลังจะเข้าสู่วัยซุกซน พ่อแม่ย่อมมีความเป็นห่วงถึงความปลอดภัยของลูก เราจึงได้รวบรวมข้อมูลที่ดีสำหรับปรับห้องนอนให้เข้ากับวัยเด็กที่เราต้องดูแล เพื่อความปลอดภัยสำหรับเด็กๆในบ้าน
ปรับห้องนอนเพื่อความปลอดภัยสำหรับเด็ก

1.พื้น
พื้นไม่ควรจะแข็งและลื่นเกินไป เพราะมีความเสี่ยงที่เด็กจะลื่นล้มและบาดเจ็บได้ง่าย ยิ่งวัยซุกซนแล้วจึงน่าเป็นห่วง พื้นที่เราอยากแนะนำคือพรมหรือไม่ก็พื้นยางไปเลย เพราะไม่แข็งเกินไป มีความนิ่ม ลดการบาดเจ็บจากการหกล้มได้ดี และควรเลือกพื้นยางที่ไม่ลื่นด้วย แนะนำควรปูพื้นยางหรือพรมทั้งห้องด้วย ที่สำคัญไม่ควรมีของแข็งหรืออะไรก็ตามที่อันตรายตามพื้น เพราะเสี่ยงทำให้เด็กสะดุดล้ม หรือล้มไปโดนของแข็งที่วางบนพื้นได้ พื้นคือปัจจัยสำคัญมาก ยังไงเด็กต้องสัมผัส

ปรับห้องนอนเพื่อความปลอดภัยสำหรับเด็ก

2.ประตู
ปัญหาจากประตูที่พบได้บ่อยคือ ประตูหนีบมือหนีบนิ้ว ทางแก้คือลองหาโช๊คอัพประตูที่ทำให้ประตูไม่เลื่อนประตูปิดเอง มีการเปิดค้างไว้ที่ 90องศา ปลอดภัยจากประตูหนีบมือเด็กได้ เพิ่มความปลอดภัยไปอีกเปราะหนึ่งและที่สำคัญต่อมาคือ ควรเลือกลูกบิดประตูที่จะกดล็อกประตูได้ยาก เพราะด้วยความเป็นเด็ก อาจพรั้งเผลอซนไปเล่นและล็อกประตูโดยไม่รู้ตัว เมื่อเด็กเป็นไรกระทันหันขึ้นมา ผู้ปกครองจะเข้าไปช่วยลูกได้ทันท่วงที หรือไม่ก็แขวนกุญแจไว้หน้าประตูเลยก็ได้

3.หน้าต่าง
หน้าต่างควรจะอยู่สูงเพื่อป้องกันไม่ให้เด็กปีนเล่น หรือถ้าหน้าต่างไม่สูงจริง ๆ ทางแก้คือหากรงหน้าต่างมาปิดไว้ ที่ป้องกันไม่ให้เด็กตกหน้าต่างได้

4.เฟอร์นิเจอร์
เฟอร์นิเจอร์ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะ ตู้ ควรเลือกที่ขอบเฟอร์นิเจอนั้นไม่คมหรือแข็งเกินไป หรืออาจจะหาอะไรนิ่ม ๆ เช่น ฟองน้ำมาครอบไว้ตามขอบต่าง ๆ ก็ได้ เพื่อป้องกันการกระแทกที่เด็กไปชน และเฟอร์นิเจอร์ไม่ควรโยกย้ายได้ง่าย เพราะเด็กอาจจะซุกซนขนย้ายเฟอร์นิเจอร์ด้วยตนเองจนเกิดการบาดเจ็บได้ หรืออาจลากตู้ขนาดเล็กไปปีนหน้าต่างเป็นต้น

ปรับห้องนอนเพื่อความปลอดภัยสำหรับเด็ก

5.ของอันตราย
อุปกรณ์ข้าวของ เช่นมีด ของมีคม แหลม หรือสิ่งที่เป็นอันตรายเช่นแก๊ส หรือสารที่เป็นพิษไม่ควรอยู่ในห้องเด็ก และไม่ควรอยู่ในที่ต่ำจนเด็กหยิบมาเล่นได้

6.แสงแดด
แสงแดดอ่อน ๆ จะช่วยกำจัดเชื้อโรคและแบคทีเรียต่าง ๆ ที่หมักหมมอยู่ในห้องนอนเด็กได้ และยังช่วยเพิ่มภูมิต้านทานให้กับเด็กได้อีกด้วย ตกแต่งห้องนอนเด็กให้มีแสงส่องผ่านเข้ามาอย่างเพียงพอ ยิ่งมีหน้าต่างเยอะก็ยิ่งดี และอย่าลืมความปลอดภัยสำหรับเด็ก ป้องกันไม่ให้ปีนหน้าต่างด้วยนะครับ

ปรับห้องนอนเพื่อความปลอดภัยสำหรับเด็ก

7.ปลั๊กไฟ
ควรเลือกปลั๊กไฟที่มีฝาครอบ เพื่อป้องกันเด็กเอานิ้วแหย่เข้าไปในปลั๊กไฟ ถ้าให้ดีเลยให้เด็กอยู่ห่างปลั๊กมากที่สุดยิ่งดีนะครับ

ทั้งหมดนี้คือ จุดสำคัญที่คุณต้องตรวจสอบและคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอย่างมาก เพราะธรรมชาติของเด็กที่มีความสงสัยเป็นปกติ สิ่งเหล่านี้คือสิ่งสำคัญที่สุด ดังนั้นขอให้ข้อมูลทั้งหมดนี้เป็นประโยชน์ในการช่วยเรื่องของการจัดห้องสำหรับเด็ก ๆ ในบ้านนะครับ ขอบคุณครับ

เลือกวัสดุปูพื้นอย่างไร ให้เหมาะกับการใช้งาน

เลือกวัสดุปูพื้นอย่างไร ให้เหมาะกับการใช้งาน

เลือกวัสดุปูพื้นอย่างไร ให้เหมาะกับการใช้งาน

หนึ่งในองค์ประกอบหลักของบ้านที่แค่เดินเข้าไปก็มองเห็นทันที นอกจากฝ้าเพดานที่มองเห็นชัดแล้ว พื้นเองก็เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่สำคัญมากเช่นกัน เพราะเป็นจุดที่ต้องใช้งานอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ยังมีการใช้งานที่แตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ บางจุดต้องการความสวยงาม บางจุดต้องการการเสียดทานไม่ลื้น และจุดอื่น ๆ เองก็ใช้งานต่างกัน วันนี้ผมจึงนำวิธีการเลือกวัสดุปูพื้นให้เหมาะสมกับการใช้งานในแต่ละจุดของตัวบ้านมาฝากคุณ

วิธีการเลือกวัสดุปูพื้นตามการใช้งานต่าง ๆ

เลือกวัสดุปูพื้นอย่างไร ให้เหมาะกับการใช้งาน

1.ห้องนั่งเล่น
ห้องนั่งเล่นคือประตูด่านแรกของบ้านที่คนจะเข้ามาเห็น มักจะมีขนาดใหญ่ที่สุดในตัวบ้าน เป็นห้องที่คนพลุกพล่านไปมา มีเพื่อนฝูงมาอยู่ด้วย ชวนกันมาปาร์ตี้กัน คุณสามารถเลือกพื้นแบบไหนมาปูก็ได้ ทั้งกระเบื้อง พรม ไม้ ลามิเนตหรือกระเบื้องยาง

เลือกวัสดุปูพื้นอย่างไร ให้เหมาะกับการใช้งาน

2.ห้องครัว
เป็นห้องที่ต้องเผชิญคราบน้ำมันกระเด็น หรือเศษต่าง ๆ จากตอนทำอาหาร และยังนับว่าเป็นจุดศูนย์กลางภายในบ้าน เป็นบริเวณที่เหล่าสมาชิกครอบครัวหรือเพื่อนฝูง มารวมตัวเพื่อรับประทานอาหารและพูดคุยกัน รองรับทั้งโต๊ะอาหาร เครื่องครัว รวมถึงผู้คน เรียกได้ว่ารับศึกหนักมาก

ดังนั้นพื้นห้องครัวควรเลือกพื้นที่มีความทนทานสูง ทนรอยขีดข่วน กันความชื้น กันคราบเปื้อน และทำความสะอาดง่าย แนะนำวัสดุปูพื้นที่เป็นกระเบื้องพอร์ซเลน กระเบื้องเซรามิค พื้นคอนกรีต หรือปูนขัดมันก็ได้

เลือกวัสดุปูพื้นอย่างไร ให้เหมาะกับการใช้งาน

3.ห้องน้ำ
ห้องน้ำจัดเป็นห้องเปียก โดนน้ำตลอดทั้งวันทั้งคืน ไม่ว่าจะสบู่ แชมพู และคราบต่าง ๆ และเป็นห้องที่ต้องมีการขัดพื้นทำความสะอาดเป็นประจำ พื้นที่ดีที่สุดสำหรับห้องน้ำควรเป็นพื้นที่สามารถทนความชื้นได้ดี กันลื่นจากคราบน้ำหรือสบู่ ทนรอยขีดข่วนจากการขัดล้าง และทำความสะอาดง่าย เราจึงขอแนะนำพื้นห้องน้ำเพียง 2 แบบคือ กระเบื้องแบบแกรนิตโต้และกระเบื้องแบบพอร์ซเลน ซึ่งกระเบื้องทั้ง 2 ชนิดมีความแข็งแรงทนทาน กันลื่นได้ และอัตราการซึมน้ำต่ำ ส่วนกระเบื้องแบบเซรามิคก็เป็นที่นิยมเพราะทำความสะอาดง่ายและราคาถูก แต่มักจะมีปัญหาเรื่องความลื่น

เลือกวัสดุปูพื้นอย่างไร ให้เหมาะกับการใช้งาน

4.ห้องนอน
ห้องนอนนั้นคือห้องพักผ่อนของคุณเอง จัดเป็นพื้นที่ส่วนตัว ออกแบบห้องนี้ตามที่เราชอบ รวมถึงลายของพื้น หรือพื้นสัมผัสเลือกพื้นแบบใดก็ได้ เพราะมันคือห้องของคุณแล้ว ถ้าชอบนุ่ม ๆ ก็เลือกพวกพื้นไม้ พรม กระเบื้องยาง หรือพื้นลามิเนต เป็นต้น

เลือกวัสดุปูพื้นอย่างไร ให้เหมาะกับการใช้งาน

5.ห้องนอนเด็ก
ห้องนอนเด็กควรจะเป็นพื้นที่ไม่ลื่น และไม่แข็งจนเกินไป เพื่อนป้องกันเด็กลื่นกระแทกกับพื้น และเด็กมักจะนั่งเล่นกับพื้น พื้นจึงต้องสะอาด ทำความสะอาดได้ง่าย และทนทาน ควรเลือกพื้นไวนิล หรือกระเบื้องยาง

สุดท้ายแล้วทั้ง 5 จุดนี้เป็นวิธีการเลือกตามการใช้งานเท่านั้น สิ่งที่คุณต้องคำนึงอีกจุดหนึ่งคือเรื่องรสนิยม ซึ่งส่วนนี้คุณต้องพูดคุยปรึกษากับทีมช่างอีกครั้งตามความเหมาะสมในการออกแบบของคุณ

คลิกติดต่อสั่งซื้อสินค้า

สินค้าแนะนำ

การเลือกใช้ประตูให้เหมาะกับจุดต่างๆในบ้าน

การเลือกใช้ประตูให้เหมาะกับจุดต่างๆในบ้าน

เมื่อพูดถึงประตูบ้าน อย่างน้อยก็คงอยากเลือกประตูสวย ๆ สักหน่อยละกัน แต่ ด้วยแต่ละจุดในบ้านมีความเหมาะสมในการเลือกใช้งานประตูที่ต่างกัน เราจึงต้องเลือกวัสดุประตูที่คู่ควรกับจุดที่ประตูอยู่
โดยประตูบ้านจะแบ่งได้อย่างง่าย ๆ 2 ประเภทดังนี้

การเลือกใช้ประตูให้เหมาะกับจุดต่างๆในบ้าน

ประตูนอกบ้าน : จะต้องมีความทนทานต่อแสดงแดดและฝน ไม่พังง่าย และมีคุณสมบัติแข็งแรง เพื่อป้องกันการงัดแงะโจรกรรม
ประตูภายในบ้าน : อาจจะไม่ต้องเลือกประตูที่ทนแดดทนฝนก็ได้ จะมีให้เลือกหลากหลายมากขึ้น หรือถ้าเป็นประตูห้องน้ำ ก็ควรเป็นประตูที่ไม่มีปัญหาความชื้น กันน้ำได้ดีนั่นเอง

เราจึงมีข้อมูลของประตูที่ทำมาจากวัสดุต่าง ๆ เพื่อเป็นส่วนประกอบในการเลือกใช้ประตูให้เหมาะสมกับจุดต่าง ๆ ในบ้านครับ

1.ประตูไม้จริง
คุณสมบัติ : มีความแข็งแรง คงทน อายุการใช้งานยาวนาน หากต้องการนำประตูไม้ไปใช้ติดตั้งภายนอก ควรใช้ประตูไม้ที่ทำจากไม้สัก เนื่องจากสามารถทนแดดทนฝนได้ดี ส่วนประตูไม้ที่ทำจากไม้เนื้อแข็ง ไม้เต็ง ไม่ควรติดตั้งไว้ภายนอกเพราะมักเกิดการพองตัว บิด งอ โก่ง เมื่อสภาพอากาศเปลี่ยน จึงเหมาะที่จะใช้ติดตั้งภายในเท่านั้น

การเลือกใช้ประตูให้เหมาะกับจุดต่างๆในบ้าน

2.ประตูไม้สังเคราะห์
คุณสมบัติ :เป็นประตูที่ผลิตจากไม้เนื้อแข็งผสมรวมกับพีวีซี บานประตูที่แข็งแรง ทนทาน กันน้ำได้ และมีผิวสัมผัสเหมือนไม้ สามารถกันปลวก ไม่ลามไฟ กันแรงกระแทกได้ดี และแช่น้ำได้ จึงสามารถนำบานประตูไม้สังเคราะห์ไปใช้ได้กับทุกห้อง อายุการใช้งานยาวนาน

3.ประตูไม้อัด
คุณสมบัติ : เป็นประตูที่มีโครงสร้างด้านในเป็นไม้แล้วปิดทับหน้าด้วยไม้อัด มีน้ำหนักเบา แต่ผุง่าย ไม่ทนต่อความชื้น และแสงแดด จึงไม่เหมาะสำหรับใช้ติดตั้งภายนอก

การเลือกใช้ประตูให้เหมาะกับจุดต่างๆในบ้าน

4.ประตูยูพีวีซี และประตูไวนิล
คุณสมบัติ : เป็นประตูพลาสติก กันน้ำที่ผิวหน้าได้ดี มีความแข็งแรง ทนทานต่อสภาวะแวดล้อมได้ดี ไม่ติดไฟ ดูแลรักษาง่าย ไม่ผุกร่อน ป้องกันเสียงรบกวนและป้องกันการรั่วซึมได้ดี แนะนำให้ใช้เป็นบานประตูห้องน้ำหรือประตูภายนอกบ้าน

5.ประตูพีวีซี
คุณสมบัติ : เป็นประตูที่ทำจากวัสดุสังเคราะห์ ไม่มีปัญหาเรื่องความชื้นและปลวก ไม่ผุ ไม่หด หรือบิดงอ แต่ไม่แข็งแรง บาง กรอบจากการโดนแสงแดดได้ และแตกหักง่าย ง่ายต่อการงัดแงะเพื่อการโจรกรรม เหมาะสำหรับการใช้ติดตั้งภายใน เช่น ประตูห้องน้ำ ห้องครัว ห้องนั่งเล่น สำหรับการใช้งานชั่วคราว งานที่ไม่ต้องการ ความแข็งแรงทนทาน

การเลือกใช้ประตูให้เหมาะกับจุดต่างๆในบ้าน

6.ประตูอะลูมิเนียม
คุณสมบัติ : ประตูอะลูมิเนียมจัดเป็นวัสดุที่มีคุณสมบัติไม่ก่อให้เกิดสนิม ทนฝน ทนแดด ทนทาน สามารถใช้ทดแทนไม้ เหล็ก และ พลาสติคได้ มีอายุการใช้งานยาวนาน เหมาะสำหรับการติดตั้งทั้งภายในและภายนอก

ทั้งนี้ในการเลือกใช้อุปกรณ์สำหรับทำประตูก็ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งาน รูปแบบและการออกแบบของตัวบ้าน และรสนิยมของเจ้าของบ้านแต่ละท่าน สุดท้ายหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อว่าที่เจ้าของบ้าน หรือผู้ที่ต้องการรีโนเวทบ้านในการตัดสินใจ

คลิกติดต่อสั่งซื้อสินค้า

สินค้าแนะนำ

อยากต่อเติมบ้านควรรู้ปัญหาและวิธีทำในการต่อเติมบ้าน

อยากต่อเติมบ้านควรรู้ปัญหาและวิธีทำในการต่อเติมบ้าน

สำหรับเจ้าของบ้านหลายท่านที่เพิ่งซื้อบ้านใหม่หรืออาจจะเพิ่งสร้างบ้านเสร็จ พออยู่ไปสักระยะนึงก็เริ่มมีความรู้สึกว่าพื้นที่รอบบ้านมีพื้นที่เหลือมากพอ อยากจะทำส่วนต่อเติมออกไปจากตัวบ้านเพื่อให้มีพื้นที่ใช้สอยในประโยชน์ต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น อาจจะทำเป็นโรงรถ ห้องครัว หรือห้องอื่น ๆ เพิ่มเข้ามา แต่ก็มักพบเจอปัญหาส่วนต่อเติมบ้านทรุดตัวและมีโอกาสเกิดความเสียหายให้กับตัวบ้าน วันนี้จึงมาบอกวิธีป้องกันและแก้ไขปัญหาบ้านทรุดตัว เพื่อให้เจ้าของบ้านที่ต้องการสร้างส่วนต่อเติมออกจากตัวบ้านใช้แก้ปัญหาและป้องกันตั้งแต่เนิ่น ๆ

อยากต่อเติมบ้านควรรู้ปัญหาและวิธีทำในการต่อเติมบ้าน

ปัญหาส่วนต่อเติมบ้านทรุดตัวเกิดจากอะไร

ปัญหาจากการทำส่วนต่อเติมบ้านจะมีด้วยกันหลัก ๆ 2 อย่าง

1. ก่ออิฐก่อปูนหรือทำส่วนต่อเติม DIY ออกไปเอง

การทำแบบนี้หลายครั้งเจ้าของบ้านก็ไม่ได้มีการตอกเสาหรือตอกเข็มลงไปใต้ดินเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับส่วนต่อเติม ซึ่งตรงนี้เองทำให้เกิดปัญหาส่วนต่อเติมทรุดตัวเนื่องจากตัวน้ำหนักบ้านและตัวน้ำหนักของส่วนต่อเติมไม่สามารถค้ำยันกันได้ เมื่อน้ำหนักมากเกินไปก็เกิดการทรุดตัวหรือเกิดการพังทลายลงมา นับว่าเป็นปัญหาและเป็นอันตรายต่อผู้อยู่อาศัยเป็นอย่างมาก

อยากต่อเติมบ้านควรรู้ปัญหาและวิธีทำในการต่อเติมบ้าน

2. จ้างช่างมาก่อนส่วนต่อเติมออกไปจากตัวบ้าน

การจ้างช่างมาทำส่วนต่อเติมบ้านก็ไม่ได้แปลว่าส่วนต่อเติมจะไม่ทรุดตัวนะครับ ตัวบ้านเดี่ยวที่ถูกสร้างออกมาอาจจะเป็นบ้านที่สร้างจากแบบแปลนหรือบ้านจัดสรรที่ไปซื้อมา ต่างก็ได้รับการคำนวณเป็นอย่างดีว่าชิ้นส่วนแต่ละชิ้นส่วนของบ้านจะต้องมีน้ำหนักเท่าไหร่และรับน้ำหนักได้มากแค่ไหน ซึ่งแม้จะเป็นช่างแต่ถ้าไม่ได้ผ่านการคำนวณมาอย่างดีแล้วไปทำส่วนต่อเติมก็มีโอกาสจะทำให้เกิดการทรุดตัวได้อยู่ดี

ดังนั้นการทำส่วนต่อเติมจึงเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและสำคัญมาก แม้ส่วนต่อเติมจะมีการตอกเสาเข็มลงไปแล้วก็ตาม ก็ยังคงมีโอกาสที่จะเกิดการทรุดตัวและเสียหายได้อยู่ดี เพราะเสาเข็มนั้นก็ไม่ได้รับการคำนวณทางวิศวกรรมมาอย่างดี

แล้วแบบนี้ยังสามารถต่อเติมตัวบ้านได้หรือเปล่า หรือสร้างบ้านมายังไง ซื้อบ้านมาแบบไหนก็ต่อเติมไม่ได้เลย จริง ๆ จะพูดอย่างนั้นก็ไม่ถูกซะทีเดียว บทความนี้ผมจึงอยากจะมาพูดถึงวิธีแก้ปัญหาและการป้องกันอย่างได้ผล สำหรับเจ้าของบ้านที่ต้องการจะสร้างส่วนต่อเติมบ้านเพื่อใช้สอยเพิ่มเติม

วิธีการที่ดีที่สุดในการทำส่วนต่อเติมบ้านคือ ทำส่วนต่อเติมบ้านที่ต้องการให้แยกออกจากตัวบ้าน

อยากต่อเติมบ้านควรรู้ปัญหาและวิธีทำในการต่อเติมบ้าน

วิธีการนี้เป็นวิธีการที่ง่ายและดีที่สุดในการป้องกันบ้านทรุดตัวจากการต่อเติมบ้าน ขอโครงสร้างใหม่ขึ้นมาในบริเวณที่ต้องการ ทำผนังให้ติดกับตัวบ้านโดยตรง อาจจะใช้แผ่นโฟมมาติดกั้นระหว่างตัวบ้านและตัวโครงสร้างใหม่ ส่วนตัวโครงสร้างใหม่ก็ให้มีการตอกเสาเข็มเป็นเรื่องเป็นราว เพื่อไม่ให้เกิดการทรุดตัวของตัวมันเอง ซึ่งการทำแบบนี้จะทำให้บ้านไม่ต้องรับน้ำหนักจากตัวโครงสร้างใหม่มากเกินไป และสามารถคำนวณน้ำหนักด้านวิศวกรรมของโครงสร้างใหม่ได้ง่ายด้วย ซึ่งวิธีนี้เป็นการแก้ปัญหาบ้านทรุดตัวที่ดีที่สุดในด้านวิศวกรรม

ไม่ว่าอย่างไรสิ่งที่คุณต้องระวังและใส่ใจมากที่สุดคือการปรึกษาวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ โดยเฉพาะถ้าสามารถปรึกษาวิศวกรที่ออกแบบบ้านของคุณได้จะยิ่งดี เพราะเขาสามารถบอกได้เลยว่าควรต่อเติมแบบไหนถึงจะทำให้บ้านไม่ทรุดตัวและปลอดภัยกับคนในครอบครัว

สุดท้ายการใช้ชีวิตในบ้านความสุขคือสิ่งสำคัญ แต่สำคัญเหนือกว่าความสุขคือความปลอดภัยของคนในบ้าน หวังว่าบทความนี้จะเป็นข้อมูลที่ทำให้คุณสามารถต่อเติมตัวบ้านออกไปใช้สอยได้อย่างมีความสุข และยังปลอดภัยกับตัวคุณและคนในบ้านเช่นกัน

 

เครดิตรูปภาพ
https://completemicropile.com/reviews/
https://www.infinitydesign.in.th/
https://www.win888.co.th/

 

คลิกติดต่อสั่งซื้อสินค้า

สินค้าแนะนำ

ฝ้าเพดานมีปัญหาแก้ยังไงให้ใช้ได้ระยะยาว

ฝ้าเพดานมีปัญหาแก้ยังไงให้ใช้ได้ระยะยาว

ฝ้าเพดานไม่ว่าจะเป็นฝ้ายิปซั่มหรือไฟเบอร์ซีเมนต์ เมื่อใช้ไปซักระยะหนึ่งหลายคนก็มักจะพบเจอปัญหาเดียวกัน นั่นก็คือ ใช้ไปซักระยะหนึ่งจะมีปัญหาคราบ สกปรกเป็นฝุ่น หรือแม้กระทั่งแผ่นไฟเบอร์ซีเมนต์ที่เวลายกก็จะมีการย้วยแตกหักเสียหาย จะแก้ไขปัญหาได้อย่างไรโดยในบทความนี้ผมจะพูดถึงปัญหาการใช้ฝ้าภายในเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นฝ้ายิปซั่มหรือไฟเบอร์ซีเมนต์

ฝ้าเพดานมีปัญหาแก้ยังไงให้ใช้ได้ระยะยาว

ปัญหาที่เกิดจากการใช้งานฝ้ายิปซั่ม

สิ่งที่หลายบ้านมักจะเจอและเป็นปัญหาปวดหัวสำหรับเจ้าของบ้านเลยคือการใช้ฝ้ายิปซั่มเมื่อผ่านเวลาเหลืออายุการใช้งานไปซักระยะหนึ่ง จะเกิดคราบสกปรกที่เกิดจากการโดนน้ำหรือไอน้ำต่างๆ หรือปัญหาฝ้าตกท้องช้างที่จะนำมาซึ่งปัญหาฝุ่นภายในบ้านเพราะตัวฝ้ายเองก็ทำมาจากผงยิปซั่ม

ซึ่งนี้เองก็เป็นปัญหากวนใจ ที่เจ้าของบ้านหลายๆท่านมักจะเจอหลังจากใช้งานฝ้ายิปซั่มไปซักระยะหนึ่ง แต่ถ้าจะเปลี่ยนมาใช้ไฟเบอร์ซีเมนต์ หรือสมาร์ทบอร์ด เองก็จะมีปัญหาอื่น ๆ ตามมาเช่นกันนั่นคือ แม้ไฟเบอร์ซีเมนต์จะเป็นวัสดุที่แข็งแรงทนทาน แต่ปัญหาที่มักตามมาเลยคือความเปราะ แตกง่าย ยิ่งขึ้นรูปเป็นแผ่นบางๆ สำหรับการทำฝ้าเพดานยิ่งทำให้เปราะ แตกง่ายเวลาเจาะรู หรือยิ่งเป็นเพดานก็จะทำให้มุมของสมาร์ทบอร์ดแตกออกมา จึงทำให้การใช้ไฟเบอร์ซีเมนต์หรือสมาร์ทบอร์ดในการทำฝ้าเพดานไม่ได้รับความนิยม

ฝ้าเพดานมีปัญหาแก้ยังไงให้ใช้ได้ระยะยาว

เครดิตภาพ SCG

สมาร์ทบอร์ดนวัตกรรมใหม่
ด้วยจุดเด่นซึ่งคือความแข็งแรงทนทานของสมาร์ทบอร์ดนี่เองทำให้มีการพัฒนาสมาร์ทบอร์ดมากขึ้น และด้วยเทคโนโลยีปัจจุบัน สมาร์ทบอร์ดรุ่นซุปเปอร์บอร์ดของ SCG ความหนาขนาด 4-6 มม. ซึ่งถูกผลิตด้วยเทคโนโลยี Super โมเลกุลสร้างความยึดเหนี่ยวในระดับโมเลกุล ซึ่งเมื่อเพิ่มความยึดเหนี่ยวระดับโมเลกุลแล้วเทคโนโลยีนี้จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องความเปราะ แตกง่าย จากเดิมที่แค่ยกขึ้นคนเดียวก็มีโอกาสแตกหักแล้ว สมาร์ทบอร์ดรุ่นใหม่ของ SCG สามารถยก 2 คนได้อย่างง่ายๆ ไม่หักง่าย แข็งแรงขึ้นไม่ย้วยยิงตะปูแล้วไม่แตก

ที่สำคัญคือ เวลายิงแผ่นสมาร์ทบอร์ดขึ้นเป็นฝ้าเพดานให้ติดกับโครง สามารถยิงห่างจากตัวโครงได้ในระยะแค่ 1-2 เซนติเมตร ทำให้เก็บงานง่ายขึ้นสวยงามมากขึ้น ซึ่งตามปกติแล้วปัญหานี้เป็นปัญหาที่ช่างมักจะไม่ชอบและกวนใจอยู่เสมอ เพราะปกติแค่ยิงตะปูเข้าไปหรือเจาะเข้าไปแผ่นสมาร์ทบอร์ดก็จะแตก หรือไม่ถ้าเจาะก็จะกลายเป็นรูขนาดใหญ่ทำให้รูนั้นไม่สามารถใช้ได้และ อาจต้องมีการเปลี่ยนบ่อยครั้งทำให้เป็นปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายระยะยาวของเจ้าของบ้าน ทำให้สมาร์ทบอร์ดปกติไม่เป็นที่นิยม

ฝ้าเพดานมีปัญหาแก้ยังไงให้ใช้ได้ระยะยาว

สรุปข้อดีของแผ่นสมาร์ทบอร์ดซุปเปอร์บอร์ดของ SCG

เนื่องจากเป็นแผ่นไฟเบอร์ซีเมนต์ทำให้มีความแข็งแรงทนทาน ใช้ทำเป็นฝ้าเพดานแล้วฝ้าไม่ย้วย ยิงแล้วขอบไม่แตกขอบไม่ทะลุ ทนชื้น ทนน้ำ ไม่เป็นคราบ ที่สำคัญที่สุดคือเนื่องจากเป็นสมาร์ทบอร์ดซึ่งไม่มีส่วนผสมของใยหิน ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องปัญหาปลวก

ซึ่งเป็นประโยชน์กับทั้งตัวเจ้าของบ้านและช่าง เพราะช่างเองก็ทำงานง่ายจบงานเร็วไม่ต้องยุ่งยาก สำหรับตัวเจ้าของบ้านเองก็ได้ของดีในงบประมาณที่ไม่บานปลาย เก็บงานง่าย งานเรียบร้อยสามารถใช้ได้ในระยะยาว

เพราะการแก้ปัญหาฝ้าเพดานที่ดีที่สุดคือการเลือกวัสดุในการทำฝ้าเพดานที่ดีและเป็นวัสดุที่ถูกต้องมาตั้งแต่ต้น ถ้าตอนนี้คุณกำลังมีปัญหาฝ้าเพดานที่เกิดจากแผ่นยิปซั่ม ก็สามารถพิจารณาฝ้าเพดานโดยใช้วัสดุสมาร์ทบอร์ดรุ่นซุปเปอร์บอร์ดของ SCG สำหรับเปลี่ยนฝ้าเพดานครั้งถัดไปก็ได้

คลิกติดต่อสั่งซื้อสินค้า

สินค้าแนะนำ

แผ่นโพลีคาร์บอเนตใช้มุงหลังคาได้ไหม ข้อดีข้อเสียมีอะไรบ้าง

แผ่นโพลีคาร์บอเนตใช้มุงหลังคาได้ไหม ข้อดีข้อเสียมีอะไรบ้าง

หลายคนน่าจะเคยมีคำถามในเรื่องของการสร้างบ้านว่า แผ่นโพลีคาร์บอเนตคืออะไร ใช้มุงหลังคาได้ไหม ข้อดี ข้อเสีย มีอะไรบ้างและต้องดูแลหรือระมัดระวังเรื่องอะไรบ้างในการใช้งาน บทความนี้มีคำตอบ แผ่นโพลีคาร์บอเนตใช้มุงหลังคาได้ไหม ข้อดีข้อเสียมีอะไรบ้าง

แผ่นโพลีคาร์บอเนตหรือที่หลายคนมักเรียกว่าแผ่นใส มีด้วยกัน 3 ประเภทที่เป็นที่นิยมใช้กัน

แผ่นโพลีคาร์บอเนตใช้มุงหลังคาได้ไหม ข้อดีข้อเสียมีอะไรบ้าง

1. แผ่นลูกฟูก
ชนิดนี้จะเป็นแผ่นโพลีคาร์บอเนตที่มีลักษณะภายนอกคล้ายกับกระดาษลัง กล่าวคือภายในจะเป็นแผ่นลูกฟูกอยู่ ซึ่งมีขนาดตั้งแต่ 4 – 10 มิลลิเมตร มีลักษณะเป็นแผ่นเรียบขนาดประมาณ 1.2 × 2.4 เมตร

แผ่นโพลีคาร์บอเนตใช้มุงหลังคาได้ไหม ข้อดีข้อเสียมีอะไรบ้าง

2. แผ่นตัน
จะเป็นลักษณะคล้ายกับกระจกคือ เป็นแผ่นเรียบ อาจจะมีหน้าหนึ่งของแผ่นที่กัดผิวส้มมาเป็นลักษณะขุ่น ๆ ซึ่งมีความหนาตั้งแต่ 2 – 6 มิลลิเมตร ขนาดประมาณ 1.2 x 2.4 เมตร เช่นกัน

แผ่นโพลีคาร์บอเนตใช้มุงหลังคาได้ไหม ข้อดีข้อเสียมีอะไรบ้าง

3. แผ่นรูปลอนหลังคา
เป็นแผ่นโพลีคาร์บอเนตที่ขึ้นรูปมาให้เป็นลอนเช่นเดียวกับหลังคาหรือเป็นลอนเหมือนกับแผ่นเมทัลชีท ซึ่งจุดประสงค์ในการใช้งานคือ คือนำมาติดตั้งสลับกับบางจุดบนหลังคา ซึ่งจะเห็นได้ตามโรงงานหรือโกดังที่จะมีหลังคาที่มีบางจุดที่ใสแสงแดดทะลุได้ เมื่อนำมาติดกับหลังคาบ้านก็จะทำให้เกิดความสวยงามมากขึ้นด้วย

ทั้ง 3 ประเภทคือ ชนิดของแผ่นโพลีคาร์บอเนต จากนี้เป็นคำแนะนำในการเลือกใช้งานแผ่นโพลีคาร์บอเนต
สิ่งแรกที่คุณต้องรู้และควรระวังคือ ไม่ควรนำแผ่นโพลีคาร์บอเนตชนิดลูกฟูกหรือแผ่นเรียบมาใช้ติดตั้งเป็นหลังคา เพราะจะทำให้เกิดการรั่วหรือเสียหายได้ง่าย ควรใช้แผ่นรูปลอนหลังคาในการติดตั้งมากกว่า ซึ่งตามห้างทั่วไปเองก็จะมีแผ่นโพลีคาร์บอเนตที่เป็นลอนคู่กับแบบหลังคาของตัวเองขายอยู่แล้ว จึงสามารถซื้อมาแล้วติดสลับกับหลังคาหรือกระเบื้องนั้น ๆ ได้ในจุดที่ต้องการ แต่โดยส่วนมากแล้วก็มักไม่เป็นที่นิยมเพราะบ้านมักจะมีฝ้าและ ฝ้าเองก็จะกั้นตัวแสงแดดที่ทะลุแผ่นโพลีคาร์บอเนตเข้ามาอยู่ดี

แผ่นโพลีคาร์บอเนตใช้มุงหลังคาได้ไหม ข้อดีข้อเสียมีอะไรบ้าง

แผ่นโพลีคาร์บอเนตจะนิยมติดที่ส่วนอื่นของบ้านมากกว่าไม่ว่าจะเป็น กันสาด โรงรถ ห้องครัว หรือส่วนต่อเติมเงินอื่น ๆ ที่อยู่นอกตัวบ้าน ซึ่งจุดประสงค์หลัก ๆ คือเพื่อความสวยงาม
หรืออาจเพราะต้องการให้บริเวณนั้นมีแสงแดดส่องเข้ามาบ้างจะได้ไม่มืดจนเกินไป แต่นอกจากนี้การใช้แผ่นโพลีคาร์บอเนตก็มีจุดสังเกตที่ควรจะคำนึงถึงอยู่บ้างเช่นกัน

จุดสังเกตที่ต้องคำนึงถึงในการใช้แผ่นโพลีคาร์บอเนต

1. ความแข็งแรงค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับผนังหรือหลังคาเมทัลชีท
ลักษณะโดยทั่วไปของแผ่นโพลีคาร์บอเนตจะมีลักษณะใสและเปราะ ทำให้มีความแข็งแรงทนทานที่ค่อนข้างต่ำ ไปกระแทกหรือไปโดนแรง ๆ ก็มีโอกาสทำให้เกิดความเสียหายขึ้นได้

2. มีโอกาสรั่วซึมสูง
เนื่องจากแผ่นโพลีคาร์บอเนตมีลักษณะเป็นรอยต่อ ซึ่งบริเวณรอยต่อนั้นเองจะมีโอกาสเกิดการรั่วซึมของน้ำได้ง่าย ๆ

3. มีโอกาสเกิดคราบได้ง่าย
เนื่องจากแผ่นโพลีคาร์บอเนตเป็นแผ่นที่มองทะลุได้ และมักจะติดเป็นหลังคา ทำให้เวลาเกิดคราบสกปรกแล้วจะเห็นได้ง่ายและไม่สวยงาม โดยเฉพาะเวลาที่ฝนตกเบา ๆ หรือตกปรอย ๆ คราบที่มีอยู่ก็จะยิ่งเลอะมากขึ้น ซึ่งโดยทั่วไปเราก็ไม่ได้ขึ้นไปทำความสะอาดบนหลังคาบ่อยอยู่แล้ว เรื่องนี้จึงเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ควรให้ความสำคัญ

จุดสำคัญในการเลือกใช้งานแผ่นโพลีคาร์บอเนต ที่คุณจำเป็นจะต้องรู้และปฏิบัติตามคือ ควรใช้งานตามคำแนะนำของผู้ผลิตหรือทางบริษัทอย่างเคร่งครัดเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในระยะยาว และที่สำคัญที่สุดคือต้องให้ช่างที่มีความชำนาญงานในด้านนี้โดยเฉพาะในการติดตั้งเท่านั้น เนื่องจากแผ่นโพลีคาร์บอเนตเป็นการติดตั้งงานที่ต้องใช้ความสามารถเฉพาะทาง หากใช้ช่างที่ไม่ได้เชี่ยวชาญรับรองว่าคุณจะเกิดปัญหาขึ้นในอนาคตแน่นอน

ทั้งหมดนี้คือข้อดี ข้อเสีย จุดสังเกตต่าง ๆ ในการใช้งานแผ่นโพลีคาร์บอเนต ซึ่งแน่นอนว่าแผ่นโพลีคาร์บอเนตเป็นอีกหนึ่งวัสดุที่ให้ความสวยงามให้กับบ้านของคุณ ดังนั้นคุณควรจำเป็นจะต้องศึกษาข้อมูลอย่างถี่ถ้วนก่อนเลือกใช้งานแผ่นโพลีคาร์บอเนตและหวังว่าบทความนี้เองก็จะเป็นส่วนหนึ่งในข้อมูลที่ช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

คลิกติดต่อสั่งซื้อสินค้า

สินค้าแนะนำ

แดดเข้าบ้าน บ้านร้อน แก้ยังไงดี

แดดเข้าบ้าน บ้านร้อน แก้ยังไงดี

แดดเข้าบ้าน บ้านร้อน แก้ยังไงดี

หนึ่งในปัญหาที่เจ้าของบ้านมักจะเจอเหมือนกันคือ ปัญหาบ้านร้อนเพราะโดนแดด ทำให้ต้องเปิดเครื่องปรับอากาศตลอดทั้งวันทำให้สิ้นเปลืองพลังงานและค่าไฟ ซึ่งบทความนี้ผมจะมาพูดถึงวิธีการแก้ปัญหาบ้านร้อน หรือบ้านที่โดนความร้อนจากแสงแดดสาดเข้ามาไม่ว่าจะเป็นทางทิศตะวันตกในช่วงบ่าย หรือทิศตะวันออกในช่วงเช้าก็ตาม ซึ่งวิธีแก้ปัญหาก็อยู่ในสาเหตุของปัญหาเลยครับ ในเมื่อบ้านร้อนจากการโดนแสงแดดวิธีแก้ปัญหาที่ง่ายและรวดเร็วที่สุดคือการทำให้บ้านโดนแดดน้อยลง

แล้วจะมีวิธีไหนบ้างที่จะลดไม่ให้แดกกระทบหรือเข้ามาในตัวบ้านมากจนเกินไป

แดดเข้าบ้าน บ้านร้อน แก้ยังไงดี

1. ติดกันสาดที่ตัวบ้านด้านที่โดนแดด

นี้เป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ง่ายและเร็วที่สุด ด้วยการดูมุมองศาทีแดดจะตกกระทบในช่วงเวลากลางวันและทำกันสาดออกไปจากตัวบ้านประมาณ 1-2 เมตร ซึ่งโดยปกติช่วงที่ร้อนที่สุดของวันก็จะเป็นช่วงเที่ยงถึงบ่าย อาจจะกะมุมองศาของกันสาดให้ดีแล้วปล่อยให้แดดอ่อนๆเข้าบ้านในช่วงเช้าตรู่หรือช่วงเย็นเท่านั้น ซึ่งการติดตั้งกันสาดสมัยนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะมีกันสาด DIY ที่ช่วยให้ติดตั้งได้ง่ายขายตามท้องตลาด สามารถซื้อ ดู คู่มือ แล้วติดตั้งด้วยตัวเองได้เลย

แดดเข้าบ้าน บ้านร้อน แก้ยังไงดี

2. ติดไม้ระแนงต่างและปรับมุมเพื่อให้ป้องกันแสงแดด

ซึ่งการติดตั้งตัวเจ้าของบ้านเองรู้อยู่แล้วว่าแดดจะเข้าทางไหน เพียงแค่บิดมุมระแนงนิดเดียวก็จะทำให้แดด ตกกระทบตัวบ้านน้อยลง ซึ่งข้อดีของการติดระแนงคือทำให้วิวทิวทัศน์ที่สามารถมองเห็นได้แทบจะไม่เปลี่ยนไป ทั้งยังไม่เป็นการปิดกั้นแสงแดด และลมจากทางทิศอื่นก็ยังสามารถผ่านเข้าทางช่องระแนงมาสู่ตัวบ้านได้เช่นกัน แต่ก็มีข้อควรระวังตรงที่ระแนงจะมีราคาสูงกว่ากันสาดและมีข้อจำกัดในการติดตั้งจะต้องมีการปรึกษาช่างหรือผู้เชี่ยวชาญ

3. ติดฉนวนกันความร้อน

กรณีนี้จะสำหรับบ้านที่ไม่สามารถติดได้ทั้งกันสาดหรือระแนง โดยการนำฉนวนกันความร้อนติดเข้าไปที่ตัวผนังบ้าน ควรวางแผนการติดตั้งตั้งแต่ตอนก่อสร้าง แล้วใช้อิฐมวลเบาในการก่อสร้าง มวลเบามีคุณสมบัติเป็นฉนวนกันร้อนเช่นกัน ทำให้สามารถช่วยลดอุณหภูมิภายในตัวบ้านเวลาโดนแดดได้

4. หลีกเลี่ยงการเทพื้นคอนกรีต ในด้านที่มีการโดนแสงแดด

การเทพื้นคอนกรีตก็เป็น 1 ตัวเรื่องที่ทำให้บ้านดูสวยงามมากขึ้นและใช้งานได้มากขึ้น แต่ในบ้านที่ร้อนเพราะโดนแดดมากๆการเทพื้นคอนกรีตในบริเวณที่จะโดนแดด แต่สะท้อนกับตัวคอนกรีตแล้วเข้าไปที่ตัวบ้าน ทำให้บ้านยิ่งร้อนมากขึ้น และในอีกมุมนึงคอนกรีตก็จะเป็นตัวดูดซับความร้อน แม้ช่วงเย็นที่แดดหมดไปแล้วแต่ความร้อนจากคอนกรีตก็ยังคงเข้าสู่ตัวบ้านอยู่ดี

แดดเข้าบ้าน บ้านร้อน แก้ยังไงดี

5. ปลูกต้นไม้หรือหญ้าบริเวณที่โดนแดด

นี้เป็นวิธีการคลายความร้อนให้กับตัวบ้านที่ง่ายได้รับความนิยมและคลาสสิคที่สุด นั่นคือการปลูกต้นไม้รอบ ๆ บริเวณบ้าน ซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ว่าการปลูกต้นไม้ทำให้บ้านร่มรื่นมีร่มเงาและช่วยป้องกันแสงแดดได้เป็นอย่างดี อาจทำการออกแบบเพื่อปลูกต้นไม้ให้เป็นแนวบังแดด เช่นปลูกต้นไม้ขึ้นในมุมที่แดกตกกระทบเท่านั้น ซึ่งเป็นข้อดีของคนที่ไม่ต้องการปลูกต้นไม้ให้เต็มบริเวณบ้าน เพียงแค่ปลูกต้นไม้ขึ้นมาบ้างให้ช่วยกรองแสงลงมาสักข้างหนึ่งก็จะช่วยให้บ้านเย็นขึ้นมากแล้ว
ซึ่งข้อดีของต้นไม้มีอีกหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นอากาศที่บริสุทธิ์ความร่มรื่นความสบายตาหรือความสดชื่นในแต่ละวัน

ทั้งหมดนี้คือวิธีการที่คุณสามารถใช้ได้ในการป้องกันแสงแดดและความร้อนของตัวบ้าน ซึ่งการป้องกันแสงแดดหรือความร้อนนับว่าเป็นหนึ่งในส่วนสำคัญมาก เพราะส่งผลต่อเรื่องอารมณ์ความสุขและจิตใจของผู้อาศัยในบ้านโดยตรง ซึ่งถ้าบ้านร้อนก็มักจะนำมาซึ่งความหงุดหงิดรำคาญใจและเสียสุขภาพจิต แต่ถ้าบ้านร่มรื่นเย็นสบายไม่ร้อนหน้าอยู่ก็จะทำให้คนที่อยู่มีความคิดที่ดีขึ้นสุขภาพจิตที่ดีขึ้น ทำให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขภายในบ้าน สุดท้ายหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับเจ้าของบ้านท่านใดที่ต้องการหาความรู้หรือวิธีแก้ปัญหาบ้านร้อนอยู่นะครับ

คลิกติดต่อสั่งซื้อสินค้า

สินค้าแนะนำ

ท่อ PVC จะเลือกยังไงให้เหมาะกับการใช้งานและใช้ได้ในระยะยาว

PVC จะเลือกยังไงให้เหมาะกับการใช้งานและใช้ได้ในระยะยาว

ในการสร้างบ้านสักหลังให้เสร็จสมบูรณ์ องค์ประกอบสำคัญที่จำเป็นต้องมีในตัวบ้านนอกจากเสาคานหลังคาฝ้าการแบ่งห้องต่างๆ แล้ว ระบบชลประทานภายในหรือระบบทางเดินน้ำภายในบ้านก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่สำคัญไม่แพ้ส่วนอื่นของบ้าน เพราะหากวางระบบเดินน้ำไม่ดีแล้วอาจจะทำให้บ้านเกิดความเสียหายในอนาคตอาจจะเกิดกลิ่นเหม็นหรือความสกปรกขึ้นจากท่อน้ำทิ้งต่างๆ ก็เป็นได้

PVC จะเลือกยังไงให้เหมาะกับการใช้งานและใช้ได้ในระยะยาว

แม้กระทั่งการเลือกใช้ท่อ PVC เพราะแม้ท่อ PVC จะมีความทนทานมากแค่ไหน แต่หากเลือกท่อ PVC ผิดประเภทการใช้งาน ภายในเวลาไม่กี่ปีคุณก็ต้องมานั่งเปลี่ยนท่อใหม่เดินน้ำใหม่และเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอยู่ดี ดังนั้นการรู้วิธีติดตั้งที่ถูกต้องและเลือกใช้งานให้ถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคนที่ต้องการสร้างบ้านใหม่เป็นอย่างยิ่ง

วิธีการเลือกใช้ท่อ PVC

ท่อ PVC เป็นท่อที่ถูกออกแบบมาให้มีคุณภาพสูง น้ำหนักเบา ง่ายต่อการขนส่งและติดตั้ง ที่สำคัญคือมีวางขายอยู่ทั่วไปสามารถหาซื้อได้ง่าย เลือกซื้อท่อ PVC สำหรับงานช่างแต่ละชนิดภายในบ้าน มีปัจจัยในการเลือกดังนี้

– ปริมาณน้ำ
– แรงดันน้ำ
– ระยะทางการวางท่อน้ำ (ท่อน้ำยิ่งยาวน้ำยิ่งไหลช้า)
– ขนาดและความเร็วของน้ำที่ไหลอยู่ในท่อ (ยิ่งท่อน้ำใหญ่น้ำยิ่งไหลเร็ว)

PVC จะเลือกยังไงให้เหมาะกับการใช้งานและใช้ได้ในระยะยาว

นอกจากปัจจัยทั้ง 4 ข้อที่กล่าวมาแล้ว ประเภทการใช้งานยังมีส่วนสำคัญในการเลือกท่อแต่ละชนิด ให้เหมาะกับการใช้งานแต่ละแบบภายในบ้านด้วยเช่นกัน ด้วยการใช้งานของท่อ PVC จะแบ่งหลักๆ 4 รูปแบบการใช้งานดังนี้

1. ระบบท่อน้ำดี
ท่อที่มีไว้ต่อเข้ากับสุขภัณฑ์ต่างๆ ซึ่งน้ำที่ไหลผ่านท่อเหล่านี้เป็นน้ำที่คุณต้องใช้ในชีวิตประจำวันทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นน้ำดื่ม น้ำใช้ ยกตัวอย่างเช่น น้ำในห้องครัว อ่างล้างหน้า อ่างอาบน้ำ โถส้วม เป็นต้น ซึ่งระบบท่อน้ำดี จะใช้ท่อ 3/4 นิ้ว หรือท่อ 6 หุน แล้วใช้ต่อเข้ากับท่อ 1 ส่วน 2 นิ้วหรือท่อ 4 หุน ซึ่งเป็นสุขภัณฑ์ต่างๆ หากใช้ท่อฝังดินหรือต่อเข้ากับกำแพงให้เลือกใช้ท่อแรงดัน 1.35

2. ระบบท่อน้ำทิ้ง
ระบบท่อน้ำทิ้งคือท่อที่มีไว้ลำเลียงน้ำเสียหรือน้ำที่ไม่ใช้แล้ว ยกตัวอย่างเช่นน้ำจากอ่างล้างหน้าอ่างอาบน้ำหรือ น้ำที่ใช้แล้วต่างๆ โดยท่อส่วนมากจะใช้ขนาด 1.5 นิ้วถึง 2 นิ้ว เวลาต่อต้องทำให้ท่อมีความลาดเอียงประมาณ 150 โดยใช้กับข้อต่อ 45 องศาจึงเป็นท่อฝังดินหรือต่อเข้ากับกำแพง ใช้แรงดันน้ำ 1.3 เช่นกัน แต่ถ้าท่อน้ำทิ้งแอร์ให้ใช้แค่ 3 ส่วน 4 นิ้วถึง 1 นิ้วก็พอ

PVC จะเลือกยังไงให้เหมาะกับการใช้งานและใช้ได้ในระยะยาว

3. ระบบท่อโสโครก
ท่อโสโครกเป็นท่อน้ำขนาดใหญ่ที่มีขนาด 4 นิ้ว ใช้ระบายสิ่งโสโครกต่างๆเช่น โถส้วมโถปัสสาวะเป็นต้น น้ำจากท่อโสโครกจำเป็นต้องนำไปบำบัดน้ำเสีย การตั้งท่อโสโครกต้องทำให้มีความลาดเอียงในอัตราส่วนทุก 1 เมตรลาดเอียงลง 2 เซนติเมตร และเนื่องจากท่อโสโครกจะมีสิ่งปฏิกูลอยู่เราจึงจำเป็นต้องใช้ท่อขนาดใหญ่และมีความเสี่ยงในระดับที่พอเหมาะที่ท่อจะไม่ตัน เพราะหากท่อเอียงมากเกินไปก็จะทำให้น้ำไหลเร็วเกินโดยทิ้งสิ่งปฏิกูลเอาไว้สุดท้ายจะทำให้ท่อตัน แล้วทำให้เราต้องใช้น้ำในการราดมากยิ่งขึ้น

4. ระบบท่อระบายอากาศ
ท่อระบายอากาศคือท่อขนาด 2 นิ้วใช้ต่อกับท่อระบายน้ำ โดยจะต่อท่อระบายอากาศให้ขึ้นไปถึงระดับหลังคาเพื่อทำให้เกิดความสมดุลของอากาศที่ไหลผ่านท่อ ไม่ว่าจะเป็นท่อระบายน้ำหรือท่อโสโครกก็ตาม

สิ่งที่ควรระวัง ถ้าหากวางระบบท่อระบายอากาศไม่ดีจะทำให้กลิ่นของเสียของอากาศต่างๆไหลเข้าไปสู่ที่พักอาศัย ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นขึ้นในที่พักหรือบ้านของคุณ หากติดตั้งระบบท่อระบายอากาศถูกต้องเวลาราดน้ำหรือกดน้ำ น้ำก็จะไล่อากาศและสิ่งปฏิกูลออกไปจากระบบท่อน้ำได้ทั้งหมด

PVC จะเลือกยังไงให้เหมาะกับการใช้งานและใช้ได้ในระยะยาว

จะเห็นว่าความรู้ในการติดตั้งระบบท่อน้ำภายในบ้านเป็นอีกหนึ่งระบบที่คุณจำเป็นจะต้องให้ความสำคัญและละเอียดอ่อนในการเลือกใช้วัสดุต่างๆ ถ้าหากติดตั้งท่อผิดเพียงนิดเดียวก็อาจทำให้การพักอาศัยของคุณเกิดความลำบากและไม่สะดวกสบายได้ในระยะยาว สุดท้ายหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณในการเลือกใช้วัสดุท่อ PVC ต่างๆในระบบท่อน้ำภายในบ้านนะครับ

คลิกติดต่อสั่งซื้อสินค้า

สินค้าแนะนำ

แผ่นปูพื้นลามิเนตกับกระเบื้องยางลายไม้เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร

พื้นลามิเนตกับกระเบื้องยางลายไม้

วันนี้ผมจะพาทุกคนมารู้จักกับแผ่นปูพื้นหรือวัสดุที่นำมาปูทับพื้นว่ามีอะไรบ้าง ซึ่งวัสดุที่เป็นที่นิยมและเห็นได้บ่อยที่สุดจะมีด้วยกัน 2 ชนิดคือ พื้นไม้ลามิเนตกับกระเบื้องยางลายไม้ ผมจึงอยากเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียความเหมือนและความต่างให้กับทุกท่านได้ทราบ เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจในการเลือกวัสดุปูทับพื้นบ้านของท่าน

พื้นลามิเนตกับกระเบื้องยางลายไม้

ถ้าจะพูดถึงวัสดุปูทับพื้นวัสดุที่หลายคนน่าจะอยากใช้นานที่สุดคงจะหนีไม่พ้นพื้นไม้ แต่เนื่องจากราคาที่ค่อนข้างสูงจึงทำให้เจ้าของบ้านหลายท่านมีงบประมาณไม่เพียงพอในการปูไม้แท้ทับพื้นบ้านทั้งหมด วัสดุทดแทนไม้แท้เหล่านี้จึงมีบทบาทสำคัญในการสร้างบ้าน ส่วนวัสดุหลัก ๆ ที่เราจะเห็นกันทั่วไปก็คือพื้นไม้ลามิเนตและกระเบื้องยางลายไม้ ดังนั้นวันนี้ผมจึงนำข้อมูลเกี่ยวกับความแตกต่าง ข้อดีและข้อเสียของแต่ละชนิดมาบอกกับทุกท่าน

พื้นไม้ลามิเนต
ผลิตขึ้นจากเศษผงไม้ที่นำมาขึ้นรูปรวมกับวัสดุอื่น ๆ จากนั้นก็นำมาทำผิวหน้าเป็นลายไม้เพื่อปูทับพื้นให้มีลักษณะเหมือนกับพื้นไม้

พื้นลามิเนตกับกระเบื้องยางลายไม้

ข้อดี ของกลุ่มพื้นไม้ลามิเนตคือ ให้ความรู้สึกเป็นไม้เวลาสัมผัสกับพื้นได้ดีกว่ากลุ่มที่เป็นกระเบื้องยาง อีกหนึ่งข้อดีของพื้นไม้ลามิเนตคือราคาที่ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับกระเบื้องยางลายไม้ แต่ก็จะมีจุดอ่อนที่ความคงทนแข็งแรง เนื่องจากทำมาจากไม้จึงทำให้มีโอกาสกรอบง่าย และเนื่องจากมีส่วนผสมของไม้จึงมีโอกาสที่จะเกิดปัญหาปลวกหรือน้ำซึมเข้าไปในพื้นผิวหรือเข้าไปใต้แผ่นไม้ลามิเนต ตรงนี้เจ้าของบ้านจะเป็นจะต้องดูแลในเรื่องของการบำรุงรักษาให้ดี

 

กระเบื้องยางลายไม้

เป็นวัสดุปูพื้นกลุ่มที่ไม่ใช่ไม้ แต่นำมาขึ้นรูปเป็นแผ่นกระเบื้องยางที่มีการทำลวดลายด้านหน้าให้เหมือนไม้ ซึ่งจะมีทั้งแบบมีกาวและไม่มีกาวสามารถนำมาปูทับพื้นให้เหมือนกับกระเบื้องลายไม้ได้เลย

พื้นลามิเนตกับกระเบื้องยางลายไม้

ข้อดีข้อของกระเบื้องยางลายไม้ คือเป็นวัสดุที่มีความทนทานยืดหยุ่นรับแรงกระแทกได้มากกว่าไม้ ไม่มีปัญหาเรื่องปลวกหรือแมลง แต่จุดอ่อนสำคัญของกระเบื้องยางลายไม้คือ จะให้ความรู้สึกที่เป็นไม้จากเนื้อสัมผัสต่ำกว่าพื้นไม้ลามิเนตและราคาก็จะค่อนข้างสูงกว่าพื้นไม้ลามิเนตเล็กน้อย

อย่างไรก็ตามของวัสดุปูพื้นทั้งสองคือ ทั้ง 2 กลุ่มนี้เป็นงานแห้งทั้งหมด สามารถเริ่มงานได้ทันทีจบงานได้ไวภายในเวลาไม่กี่วัน หรือว่าเป็นการปูพื้นแค่ห้อง 1 ห้องเวลาแค่ 2-3 ชั่วโมงก็สามารถจบงานได้ภายใน 1 วัน

การใช้งานของแต่ละประเภท
เรื่องการใช้งานพื้นไม้ลามิเนตและกระเบื้องยางลายไม้สามารถนำไปใช้ในห้องที่แตกต่างกันได้ดังนี้

พื้นไม้ลามิเนต จะเหมาะกับปูพื้นห้องที่ไม่ได้มีความชื้นสูงหรือไม่ใกล้พวกอ่างน้ำต่างๆ การถูพื้นห้องก็ต้องระมัดระวังพยายามเช็ดให้แห้ง ห้องส่วนใหญ่ที่นำไปปู เช่น ห้องนอน เป็นต้น

ส่วนกระเบื้องยางลายไม้ จะเหมาะกับห้องที่มีการใช้งานบ่อยมีการเดินมีการเล่นของเด็ก ๆ หรืออาจจะมีโอกาสเกิดน้ำหกได้บ่อย ห้องที่เหมาะจะใช้กับพื้นประเภทนี้มากกว่า เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องรับแขก เป็นต้น
จะเห็นว่าวัสดุปูพื้นทั้ง 2 แบบเหมาะกับการใช้งานคนละแบบการมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน ดังนั้นถ้าท่านจะเลือกใช้ก็เลือกเอาตามงบประมาณและการใช้งานของท่านได้เลย

คลิกติดต่อสั่งซื้อสินค้า

สินค้าแนะนำ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า