ตอกเสาเข็มไมโครไพล์ด้วยทีมตั้งถาวร

เสาเข็มกำลังเตรียมขนขึ้นรถ

ตั้งถาวร

บริการตอกเสาเข็มไมโครไพล์ i18 i22 i26

ทีมงานตั้งถาวร

เริ่มจากเราเป็นโรงงานผลิตเสาเข็มเจ้าใหญ่ที่สุดในจังหวัดปทุมธานี โรงงานของเรามีพื้นที่กว่า 20 ไร่ หลังจากนั้นเราได้พัฒนาธุรกิจจนปัจจุบันเราจึงมีความเชี่ยวชาญด้านงานตอกเสาเข็มด้วยประสบการณ์ยาวนานกว่า 30 ปี

โรงงานตั้งถาวรตอกเสาเข็ม

บริการของตั้งถาวร

  • รับตอกเสาเข็มไมโครไพล์ มี i18 i22 i26
  • รับออกแบบและคำนวณเสาเข็ม
  • ตรวจสอบและวิเคราะห์สภาพหน้างาน
  • รับติดตั้งเสารั้วสำเร็จรูปจบงานไว ไม่ทิ้งงาน

จุดเด่นของตั้งถาวร

  • ทีมวิศวกรและช่างผู้ชำนาญงานระสบการณ์ยาวนานกว่า 30 ปี
  • อุปกรณ์เครื่องจักรทันสมัย
  • วัสดุคุณภาพสูง
  • ราคาเป็นกันเอง
  • บริการหลังการขาย

ผลงานของเรา

เราเคยมีผลงานตอกเสาเข็มให้กับโครงการต่างๆ มากมาย เช่น

  • โครงการที่พักอาศัยที่อยู่อาศัย
  • สำนักงานราชการ
  • คลังสินค้า โรงงานอุตสาหกรรม

ปั่นจั่นใหญ่

ทีมงานตอกเสาเข็มตั้งภาวร
ทีมงานมืออาชีพ
มีโรงงานผลิต

ผลงานล่าสุดของเรา

พร้อมส่งเสาเข็ม

ราคาโรงงาน พร้อมมีบริการติดตั้งให้ค่ะ

เสาเข็มก่อสร้างโรงงาน

โรงงานรีไซเคิล ปทุมธานี

ผลงานเสาเข็มกฟผ

การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค

10ข้อดีในการเลือกประตู uPVC

10ข้อดีประตูuPVC

    ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ประตู uPVC ได้รับความนิยมมากขึ้นในหมู่เจ้าของบ้านที่มองหาประตูภายในบ้านสไตล์ใหม่ราคาถูก และบำรุงรักษาง่าย ด้วยคุณประโยชน์ของประตู uPVC จึงไม่น่าแปลกใจที่ผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะกลายเป็นทางเลือกสำหรับการใช้ชีวิตสมัยใหม่อย่างต่อเนื่อง ในบทความนี้ เราจะมาเจาะลึกถึงข้อดีของประตู uPVC กันนะคะ

 

3น_ประตูPolywood

 

ประตู uPVC คือ อะไร ?

     uPVC หมายถึง unplasticized polyvinyl chloride ซึ่งเป็นวัสดุพลาสติกที่ไม่ได้ผสมกับสารเคมีอื่น ๆ วัสดุที่มีความยืดหยุ่น และทนต่อแสงแดดและอุณหภูมิสูง วัสดุ uPVC มักจะถูกนำมาใช้สร้างประตู หน้าต่าง และสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ เนื่องจากมีคุณสมบัติที่แข็งแรงทนทาน และกันน้ำได้ดี นอกจากนี้ uPVC ยังเป็นวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เนื่องจากไม่มีสารพิษที่ถูกปล่อยออกมาในกระบวนการผลิตหรือใช้งานแล้ว นับว่าเป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมในการใช้งานในอุตสาหกรรมสร้างและก่อสร้างในปัจจุบัน

 

 

10 ข้อดีติดอันดับของ ประตู uPVC มีดังนี้

  1. ประตู uPVC ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย เนื่องจากประตู uPVC เป็นวัสดุที่มีคุณสมบัติทนทานต่อสภาพอากาศและไม่ต้องการการบำรุงรักษาสูง จึงสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาและซ่อมแซมได้
  2. ประตู uPVC ช่วยประหยัดพื้นที่  มีความเบาและสามารถติดตั้งได้ในพื้นที่จำกัด ทำให้สามารถปรับใช้พื้นที่ในบ้านได้เต็มที่
  3. ประตู uPVC มีความปลอดภัย  มีระบบล็อกที่มีคุณภาพและปลอดภัย เพราะว่ามีระบบล็อกแบบหลายจุด ทำให้เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการป้องกันการบุกรุก
  4. ประตู uPVC มีหลายรูปแบบ ประตู uPVC มีลักษณะการออกแบบที่หลากหลาย สามารถเลือกได้ตามความต้องการและสไตล์การตกแต่งบ้าน เช่น สไตล์บ้านญี่ปุ่น สไตล์มินิมอล สไตล์โมเดริน เป็นต้น
  5. ประตู uPVC มีคุณสมบัติทำให้บ้านเย็น ประตู uPVC เป็นวัสดุที่มีคุณสมบัติในการรักษาความเย็น ไม่ปล่อยความร้อนออกนอกบ้าน จึงช่วยลดการใช้พลังงานในการเปิดเครื่องปรับอากาศ
  6. ประตู uPVC เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ประตู uPVC เป็นวัสดุที่มิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่มีการปล่อยสารพิษ สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้โดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ทำให้เป็นอีกทางเลือกที่จะช่วยลดการใช้งานวัสดุที่มีผลต่อสิ่งแวดล้อม
  7. ประตู uPVC สามารถกันเสียงได้  มีคุณสมบัติที่ช่วยลดเสียงดังจากภายนอกเข้ามาในบ้าน สร้างความเป็นส่วนตัวได้
  8. ประตู uPVC มีอายุการใช้งานนาน ด้วยวัสดุที่มีความทนทานต่อสภาพอากาศ สามารถใช้งานได้นานถึง 10 ปีโดยไม่ต้องเปลี่ยนใหม่ ทำให้เป็นทางเลือกที่คุ้มค่าในเรื่องของความคุ้มค่า
  9. ประตู uPVC ง่ายต่อการดูแลรักษา ไม่ต้องใช้เวลาและค่าใช้จ่ายสูงในการซ่อมแซมหรือบำรุงรักษา
  10. ประตู uPVC ราคาเหมาะสม ไม่แพง เหมาะสำหรับคนที่ต้องการคุณภาพและความทนทานแต่ไม่ต้องการจ่ายราคาสูงในการซื้อประตู

ทำไมต้องเลือกประตูupvc

4 วิธีดูแลรักษาประตู uPVC ให้ถูกวิธี

 

  • การทำความสะอาด: ทำความสะอาดประตู uPVC เป็นประจำด้วยผ้านุ่มและน้ำยาทำความสะอาดอ่อนๆ เพื่อขจัดคราบสกปรก หลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาทำความสะอาดที่มีฤทธิ์กัดกร่อนหรือแผ่นใยขัด เพราะอาจทำให้พื้นผิวของประตูเสียหายได้
  • การบำรุงรักษาฮาร์ดแวร์: ตรวจสอบฮาร์ดแวร์ที่ประตู เช่น บานพับและที่จับ ว่ามีการสึกหรอหรือเสียหายหรือไม่ ใช้น้ำยาหล่อลื่นที่เหมาะสม เช่น สเปรย์ซิลิโคน เพื่อให้ชิ้นส่วนเหล่านี้ทำงานได้อย่างราบรื่น
  • การตรวจสอบรอยซีล: ตรวจสอบรอยซีลรอบประตู uPVC เพื่อหาร่องรอยความเสียหายหรือการสึกหรอ หากจำเป็น ให้เปลี่ยนซีลที่เสียหายเพื่อรักษาประสิทธิภาพการใช้พลังงานของประตูและป้องกันกระแสลม
  • การขยับช่องประตูให้พอดีกับวงกบ เมื่อเวลาผ่านไปนานประตู uPVC อาจต้องมีการขยับเล็กน้อยเพื่อให้มั่นใจว่าบานประตูยังคงพอดีกับวงกบ สามารถปรึกษาผู้ผลิตประตูของคุณเพื่อขอคำแนะนำในการปรับเปลี่ยนเหล่านี้

 

  ทั้งหมดนี้จะเห็นได้ว่า ประตู uPVC เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับทุกคนที่ต้องการปรับโฉมใหม่ให้เป็นบ้านสไตล์ที่ชอบ รวมถึงครบเครื่องด้านประโยชน์ใช้สอย และประสิทธิภาพการประหยัดพลังงาน ฉะนั้นประตู uPVC จึงกลายเป็นตัวเลือกสำหรับการใช้ชีวิตสมัยใหม่ที่ลงตัว ตอบโจทย์บ้านที่อยู่อาศัยของคนสมัยใหม่

การเลือกใช้ ประตูห้องนอน ของคนไทย

ประตูในบ้านเยสโมลดิ้งถูก

การเลือกใช้ ประตูห้องนอน ของคนไทยมีอะไรบ้าง

    ประตูห้องนอน ส่วนประกอบแรกเมื่อเราก้าวเท้าเข้าห้อง  และส่วนประกอบหลักๆ ของห้องนอน เพราะห้องนอนคือพื้นที่ส่วนตัว ที่ถือว่าเป็นโซนโปรดของใครหลายๆคน และให้ความสำคัญอย่างมาก เปรียบเสมือนตัวบ่งชี้ ลักษณะของเจ้าของ สะท้อนบุคลิกของเจ้าของออกมได้ดีที่สุด ดังนั้น ประตูห้องนอน ถือเป็นสิ่งสำคัญในการเลือกมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของห้องนอน ซึ่งเหตุผลในการเลือกใช้ ก็จะมความแตกต่างกันออกไปเฉพาะบุคคล แต่ในบทความนี้ จะเสนอเหตุผลทั่วไปในการเลือกใช้ประตูห้องนอน ว่าส่วนใหญ่แล้ว ผู้คนทั่วไป เลือกประตูห้องนอนจากอะไรบ้าง

ประตูห้องนอน ที่คนไทยใช้กันมีกี่แบบ

     ก่อนอื่น เรามาเริ่มกันที่ ประเภทของประตู เจ้าของห้องต้องทราบก่อนว่า ประเภท ประตูห้องนอน มีกี่แบบ แต่ละแบบก็จะมีเอกลักษณ์เฉพาะ แตกต่างกันออกไป เลือกแบบไหนที่จะเหมาะกับห้องนอนของเรา อย่างเช่น วิธีใช้งาน พื้นที่สามารถติดตั้งได้หรือไม่ และที่สำคัญนอกจากเรื่องความสวยงามแล้ว ต่อคำนึงถึง เรื่องราคา และความเหมาะสมขององค์ประกอบโดยรวมภายในบ้านด้วย

 

  1. ประตูห้องนอน บานพับ

  ประตูบานพับ หรือเรียกอีกอย่างว่า ประตูบานสวิง ถือเป็นประตูที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะติดตั้งง่าย ดูแลรักษาง่าย มีทั้งแบบเดี่ยวและแบบคู่ ประบานพับ จะต่างกับ ประตูบานสวิง ตรงที่ สามารถเปิดปิดได้ทางเดียว แต่บานสวิง จะสามารถเปิดปิดได้ทั้ง 2 ทาง พื้นที่ในการใช้งานมาก เช่น ถ้าเป็นบานเดียว ต้องเผื่อที่ได้ 90 องศา และ 180 องศาในบานคู่

 

  1. ประตูห้องนอน บานเลื่อน

  ประตูประเภทนี้ เหมาะกับ บ้านที่มีพื้นที่จำกัด เพราะการติดตั้ง การใช้งาน ทำได้ในพื้นที่ที่น้อย ไม่จำเป็นต้องเผื่อพื้นที่ในการใช้งาน ถ้าบ้านไหนกำลังมองหาประตูห้องนอน ที่ต้องการจำกัดพื้นที่ ประตูประเภทบานเลื่อนก็ตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี

 

  1. ประตูห้องนอน บานเฟี้ยม

    ประตูบานเฟี้ยม เป็นประตูของห้องนอน ที่หลายคนให้ความสนใจ เพราะด้วยรูปแบบการติดตั้งและการใช้งาน ที่สวย สะดวก แบ่งสัดส่วนได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญ สามารถช่วยเปลี่ยนรูปแบบของห้องได้ไม่น่าเบื่อ ลักษณะการต่อกันของบานพับหลายๆอัน ทำให้การใช้งานสะดวก และดูโดเด่น เหมาะกับ พื้นที่กว้าง สามารถเปิดโล่งได้ รับลม ถ่ายเทอากาศได้เป็นอย่างดี

 

 

ประตูห้องนอนแต่ละสีให้ความรู้สึกอย่างไร 

ประตูภายในบ้านสีโอ๊ค

สีก็ถือว่าเป็น ปัจจัยสำคัญในการเลือกประตูห้องนอน เพราะนอกจากสีที่ดูสวยงาน คุมโทน หรือตัดกับสีห้องแล้ว ความสำคัญอีกอย่างคือ ห้องนอนสามารถที่จะถ่ายทอดอารมณ์และความรู้สึกต่างๆ ไปยังเจ้าของห้อง หรือผู้อยู่อาศัย ยกตัวอย่างเช่นที่เลือกสีประตูที่สบายดี ให้ความรู้สึกอบอุ่น ก็อาจจะทำให้ผู้อาศัย นอนหลับสนิทได้นั่นเอง และวันนี้เราจะมายกตัวอย่าง สีกลัก ที่นิยมเป็นสี ประตูห้องนอน และสีไหน จะให้ความรู้สึกแบบไหนบ้าง

 

  1. ประตูห้องสีน้ำเงิน โทนสีเข้มอย่างสีน้ำเงินให้ความรู้สึกหนักแน่น จริงใจ ให้ความรู้สึกแข็งแรง

 

  1. ประตูห้องสีเขียว หากคุณอยากมีความรู้สึกเหมือนนอนพักผ่อนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ สีเขียวเป็นสีที่ดีที่สุด ให้ความรู้สึกสบายตา

 

  1. ทาสีภายในห้องนอนด้วยชมพูเอาใจสายหวานด้วยการทาสีภายในห้องนอนด้วยสีชมพู สีชมพู จะให้ความนุ่มนวล และสื่อถึง ความรู้สึกดีๆ
  1. ประตูห้องสีม่วงโทนสีม่วงให้ความรู้สึกหรูหรา พร้อมกับมีความน่าค้นหา
  1. ประตูห้องสีน้ำตาลหากคุณอยากให้ห้องนอนดูสงบ คุณควรเลือกใช้ประตูห้อนนอนสีน้ำตาล เป็นสีที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นที่สุด
  1. ประตูห้องสีเหลืองสีโทนสว่างให้ความรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่าได้เป็นอย่างดีในยามตื่นนอน
  2. ประตูห้องสีเทาโทนสีเทา เป็นโทนสีให้ความรู้สึกผ่อนคลายและความรู้สึกสบาย เป็นสีพื้นฐานที่เข้ากับทุกความรู้สึกและไม่น่าเบื่อ
  1. ประตูห้องสีฟ้าสีฟ้าเป็นสีโทนเย็นที่ความรู้สึกผ่อนคลายที่สุด ทำให้นอนหลับสบาย ส่งผลทางด้านอารมณ์ให้มีความสุข เบิกบาน สดชื่น ซึ่งคุณสามารถเลือกจับคู่กับโทนสีขาว สีเทาอ่อน สีเขียวอมเทา จะทำให้ห้องนอนของคุณน่าอยู่มากขึ้น

 

ประตูห้องสีขาว

ประตูห้องนอนที่ดีต้องวางแบบไหนให้ถูกหลังฮวงจุ้ย

       อีกหนึ่งปัจจัยที่คนไทยนิยมนำมาช่วยตัดสินใจเลือกใช้ ประตูห้องนอน ว่าจะเลือกใช้แบบไหนดี สีไหนดี ก็คือเรื่องของความเชื่อตามศาสตร์ฮวงจุ้ย เพราะเป็นศาสตร์ที่ส่งผลต่อพลังงานภายในห้อง ซึ่งห้องนอนถือเป็นห้องที่ใช้พักผ่อน เติมเต็มพลังชีวิต ดังนั้น เพื่อความสบายใจและช่วยสร้างพลังให้กับเจ้าของ

      การเลือกตามหลักฮวงจุ้ย จึงถูกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งด้วย แต่ก็ถือเป็นความเชื่อส่วนบุคคล ทุกคนสามารถเลือกใช้ประตูตามสี รูปแบบสไตล์ที่ตนเองชอบได้ ไม่จำเป็นต้องยึดหลักศาสตร์นี้เสมอไป เช่นตามฮวงจุ้ยแล้ว ไม่ควรวางประตูให้เปิดทะลุถึงกัน แต่สำหรับห้องที่มีพื้นที่จำกัด เราก็สามารถใช้วิธีอื่นได้ หรือตำแหน่งการวางที่จับประตู ว่าซ้ายหรือขวา เรื่องนี้เราสามารถเลือกที่เราถนัด เหมาะกับการใช้งาน ก็ได้เช่นกัน อย่างที่บอกว่าฮวงจุ้ย เป็นความเชื่อส่วนบุคคล แต่ต้องคำนึงถึงการใช้งานเป็นหลักด้วย

 

จุดเด่นของประตูเยสโมลดิ้ง

ประตูห้องนอน เยส โมลดิ้ง โพลีสไตรีน ดีกว่า ประตู UPVC อย่างไร

    ประตูห้องนอนในปัจจุบัน ใช้วัสดุหลากหลายชนิด แต่ละชนิดจะมีจุดเด่นและจุดด้อยแตกต่างกันออกไป ซึ่งครั้งนี้จะขอยกตัวอย่าง วัสดุที่เรียกได้ว่า นิยมมาสร้างประตูมากที่สุดในปัจจุบัน นั่นคือ วัสดุ UPVC กับ โพลีสไตรีน ที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกัน จะมาเปรียบเทียบให้เห็นถึงข้อดีข้อเสียต่างๆว่าแต่ละชนิดมีข้อดีข้อเสียต่างกันยังไง

 

จุดเด่น ประตูห้องนอน เยส โมลดิ้ง โพลีสไตรีน 

 

   ด้วยนวัตกรรมส่วนผสม ไฮอิมแพ็คโพลีสไตรีน (HIPS) ทำให้ได้วัสดุชนิดใหม่ขึ้นมา ที่ราคาค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับวัสดุชนิดอื่นๆเป็นวัสดุที่ผลิตจากธรรมชาติ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่ยังคงความเป็นวัสดุที่มีคุณสมบัติพิเศษ แข็งแรง ทนทาน

 

    น้ำหนักที่เบาติดตั้งง่าย ปลวกมอดไม่สามารถกัดกินได้ ไม่ซึม ไม่บวมน้ำ ไม่ก่อให้เกิดเชื้อรา ไม่หดหรือพองตัว ไม่สามารถติดไปได้ ลวดลายความสวยคมชัด มีอายุการใช้งานที่นาน ตัวผิววัสดุสามารถทำความสะอาดได้ง่าย ดังนั้นคุณสมบัติแบบนี้ จึงทำให้ โพลีสไตรีน เหมาะที่จะถูกนำมาทำเป็นอุปกรณ์ต่างๆ และ หนึ่งในนั้นก็คือประตูห้องนอน

 

จุดเด่น ประตูห้องนอน UPVC 

 

ประตูห้องนอน UPVC เป็นการนำ โพลีเมอร์มาผลิตขึ้นรูปด้วยนวัตกรรมใหม่เพิ่มประสิทธิภาพให้วัสดุแข็งแรงทนทาน ทนต่อสารเคมีชนิดต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น มีความแข็งแรงมากกว่า PVC ทั่วไป โครงไม้สังเคราะห์ผสมคาร์บอน กันปลวก กันน้ำ ปรับไสได้เหมือนไม้ ป้องกันเสียงและอุณหภูมิได้ สำหรับใช้งานเป็น ประตูห้องนอน ที่ต้องการทั้งความสวยและความคงทน และเป็นประตูบ้านที่มีรูปลักษณะในแบบเรียบหรู แต่ราคาค่อนข้างพง และปรับแต่งลวดลายได้ไม่หลากหลาย หรือพูดอีกอย่างก็คือ ประตูที่ทำด้วย UPVC จะมีลายและสีให้เลือกน้อย ไม่สามารถปรับแต่งลวดลายได้ตามใจชอบผู้ใช้งานนั่นเอง

 

 

ทำไมประตูห้อง Polystyrene ต้องยี่ห้อ Yes Moulding 

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า ปัจจุบัน ประตูห้อง แบบ Polystyrene ถูกผลิตออกมาหลากหลายยี่ห้อมาก แต่ที่แอดเลือกให้ Yes Moulding ดีที่สุด เพราะว่า ยี่ห้อนี้ไว้ใจได้เรื่องคุณภาพแน่นอน มีรูปแบบให้เลือกมากที่สุด เป็นยี่ห้อเดียวที่โดดเด่นวัสดุ Polystyrene มากกว่าทุกยี่ห้อ และยังการันตีรีวิวจากช่าง และ ผู้ใช้จริง ว่าทนทาน คุณภาพได้มาตรฐานแน่นอน ยี่ห้อนี้รับรองไม่ทำให้ผิดหวัง

 

ขอขอบคุณลูกค้าของเรา

bg_image

ChinaStateConstruction
ถ.เพชรบุรี กทม.

งานประตูภายในบ้านลายไม้ ราคาถูก ผู้รับเหมามีกำไร
bg_image

บ้านคุณบุญชนะ
อ เมือง จ ระนอง

ตกแต่งสไตล์เข้มๆ ประตูภายในเลียนแบบไม้จริง

    สนใจสั่งซื้อประตูห้องน้ำ ประตุภายในบ้าน วงกบประตู คิ้วบัว บานซิงค์ ไม้พื้น SPC ทักแชทขอใบเสนอราคาแอดมินที่นี่ LineOA:@bwatsad

 

ประตูห้องน้ำ ต้องเลือก Polystyrene(PS)

ประตูห้องน้ำราคาถูก

ประตูห้องน้ำ

    สำหรับท่านที่สนใจ หรือกำลังสร้างบ้าน ตกแต่งบ้าน หรือ ต้องการรีโนเวท บ้านใหม่ ย่อมรู้ดีว่าข้อมูลของบ้านการวางแผนในเรื่องต่างๆย่อมสำคัญมาก โดยเฉพราะเรื่องวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ก่อสร้าง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาในอนาคตนั่นเอง บทความรู้นี้ก็ขอเริ่มจาก ส่วนขององค์ประกอบบ้านที่แสนธรรมดา แต่ว่าต้องใส่ใจรายละเอียดอย่างมาก 1 ส่วน นั่นคือส่วนของห้องน้ำนั่นเอง แล้วทำไมถึงต้องใส่ใจกับส่วนนี้ ก็เพราะว่า ห้องน้ำ เป็นส่วนที่โดนน้ำอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นวัสดุต่างๆ แน่นอนว่าต้องกันน้ำ ทนความชื้น

 

     จึงจะสามารถไว้ในได้ในการใช้งานต่อไปในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในส่วนของ ประตูห้องน้ำ ซึ่งยุคนี้ก็คงหนีไม่พ้น วัสดุที่ทำจาก Polystyrene ที่เป็นวัสดุ พลาสติกชนิดเทอร์โมพลาสติก วัสดุที่มีน้ำหนักเบา และทนทาน แต่ก่อนอื่น เราจะมาดูกันว่า ประตูห้องน้ำ ในปัจจุบันที่พบเห็นกับทั่วไปนั้น มีกี่แบบ แต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร มีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง และทำไมประตูห้องน้ำต้องเป็น Polystyrene เรามาหาคำตอบพร้อมกันเลย

ประตูห้องน้ำแบบไหนดี

ประตูห้องน้ำ มีกี่ประเภท แตกต่างกันอย่างไร ?

วัสดุที่นำมาทำ ประตูห้องน้ำ ก็จะแบ่งได้ 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ ประเภทที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ และประเภทที่ทำจากวัสดุสังเคราะห์ ซึ่งแต่ละประเภทก็จะมีความแตกต่างกันออกไป มีข้อดีข้อเสียต่างกัน ครั้งนี้เราก็นำตัวอย่างประเภทของประตูห้องน้ำที่นิยมใช้กัน มาให้ชมส่วนนึง และแบบไหนจะถูกใจตรงความต้องการผู้ใช้นั่น มาดูกันเลย

แบบที่1.ประตูห้องน้ำ ไม้จริง

เป็น ประตูห้องน้ำ ที่ทำจากไม้จริง เป็นวัสดุธรรมชาติ 100% สามารถปรับเปลี่ยนให้เข้ากับรูปแบบความต้องการได้ง่าย ปรับเปลี่ยนให้เข้ากับตัวบ้านได้ง่าย นิยมใช้กันมากโดยเฉพราะ บ้านแบบคลาสสิค บ้านแบบโมเดิร์น มีสีไม้ให้เลือกใช้ที่สวยงาม เข้ากับโทนบ้านได้ง่าย และที่สำคัญคือสวยงามดูมีราคา

ข้อดี: รูปทรงสวยงาม ให้ผิวสัมผัสที่ดี สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบได้ตามความต้องการ

ข้อเสีย: ปลวกสามารถกินได้ อาจจะต้องเสียเงินเปลี่ยนประตูใหม่ในอนาคต ประตูที่ทำจากไม้จริงอาจเกิดการหดตัว หรือปลวกได้

แบบที่2 ประตูแบบ PVC 

วัสดุประเภทนี้สามารถพบเห็นได้ทั่วไป เพราะนอกจากจะนิยมมาทำ ประตูห้องน้ำ แล้ว PVC ก็ยังถือว่าเป็นพลาสติกที่ทนทานเหมาะกับการแปรรูปได้หลากหลาย แต่ก็ยังถือว่าเป็นวัสดุที่ค่อนข้างบาง อ่อน และรับแรงกระแทกได้น้อย

ข้อดี: มีน้ำหนักที่เบามาก ติดตั้งง่าย ปลวกไม่กิน กันน้ำได้ดี

ข้อเสีย: ไม่ทนทาน แตกหักง่าย

แบบที่3 ประตูแบบ WPC 

เป็นวัสดุใช้ทำประตูห้องน้ำ มีส่วนผสมระหว่างไม้กับโพลีเมอร์ หรือเรียกง่ายๆ ก็คือการผสมระหว่างเศษไม้ กับพลาสติกนั่นเอง เป็นการผสมระหว่างข้อดีของวัสดุ 2 ชนิด จึงทำให้ประตูที่ทำจาก WPC มีความทนทาน ไม่ชื้นน้ำ ไม่บวม ปลวกไม่สามารถกินได้

ข้อดี: ปลวกไม่สามารถกินได้ ไม่บวมน้ำ ไม่เกิดการขยายตัว วัสดุไม่ติดไฟ มีความทนทานสูง

ข้อเสีย: มีน้ำหนักมาก ประตูไม่สามารถดัดแปลงเป็นแบบอื่นได้ เนื่องจากตัวสินค้าทำขึ้นมาเฉพาะ

แบบที่4 ประตูแบบ Polystyrene

ประตูห้องน้ำทนทาน

ประตูห้องน้ำแบบ Polystyrene เป็น แผ่นฉนวน PS Foam กันความร้อน เก็บความเย็น ป้องกันการผ่านของเสียง แถมวัสดุประเภทนี้มีน้ำหนักเบา ทนทาน รองรับแรงกระแทนได้อย่างดีเยี่ยม กันความชื้นได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วย คุณสมบัติครบครันแบบที่เหมาะกับประตูห้องน้ำอย่างมาก และที่สำคัญมีหลายรูปแบบให้เลือก ผู้ที่สร้างบ้านใหม่ หรือรีโนเวทใหม่จึงนิยมใช้อย่างมาก

ข้อดี: มีน้ำหนัก ทนทาน กันความร้อน เก็บรักษาอุณหภูมิได้ดี ปลวกไม่กิน ทนน้ำไม่บวมไม่เปลี่ยนรูปทรง มีให้เลือกหลายรูปแบบ

ข้อเสีย: มีราคาสูงกว่าวัสดุแบบอื่นๆพอสมควร

ยี่ห้อประตูห้องน้ำ Polystyrene ในไทย

ปัจจุบัน หลายบริษัทที่ทำการผลิต ก็นำ นวัตกรรม การผลิตสมัยใหม่เข้ามาใช้กันพอสมควร สามารถพัฒนารูปแบบและคุณภาพของสินค้าขึ้นไปได้อย่างมากมาย ประตูประเภท Polystyrene ก็เป็น 1 ในนั้นเช่นกัน มีหลายยี่ห้อให้เลือก ซึ่งแต่ละยี่ห้อก็มีความโดดเด่นต่างกันออกไป ยกตัวอย่างเช่น ยี่ห้อ

 

 1 .ประตูห้องน้ำ ต้อง ยี่ห้อ Yes Moulding

   เป็นผู้ผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เทียบเท่าเกาหลี ประสบการณ์มากกว่า 28 ปี จำหน่าย ไม้บัว ไม้มอบฝ้า บัวเชิงผนัง ไม้แต่งผนัง ประตู วงกบประตู ชั้นอเนกประสงค์ และบานซิงค์ตู้แขวนชุดครัว Yes Moulding โพลีสไตรีน Polystyrene(PS) พลาสติกโพลีสไตรีน เพื่อทดแทนไม้จริง จากธรรมชาติ โดดเด่นเรื่องวัสดุ Polystyrene เป็นที่ 1 ของไทย

 

  2.Green Plastwood

ถือว่าเป็นอีกบริษัทที่ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อทดแทนผลิตภัณฑ์ที่ทำจากวัสดุประเภทไม้ พัฒนาวัสดุออกมาหลายแบบเพื่อลดปัญหาเรื่องทรัพยากร และแก้ปัญหาที่สินค้ารูปแบบเก่าๆพบเจอ  เช่น ปัญหาปลวกและแมลงกัดกินเนื้อไม้ ปัญหาด้านเป็นแหล่งสะสมความชื้นอันนำไปสู่การเกิดเชื้อราและแบคทีเรีย

 

   3.Bathic

แบรนด์ที่ได้รับความนิยมอีกแบรนด์ในประเทศไทย คล้ายกับ ยี่ห้อ Green Plastwood แต่อาจจะไม่ได้มีวัสดุหลายรูปแบบมากนัก แต่สามารถจบเรื่องประตูได้ที่นี่เลยที่เดียว มีสินค้าทุกอย่างที่เกี่ยวกับประตู ยี่ห้อนี้จะเน้นเกี่ยวกับประตูเป็นหลัก

 

 

ทำไมประตูห้องน้ำ Polystyrene ต้องยี่ห้อ Yes Moulding 

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า ปัจจุบัน ประตูห้องน้ำ แบบ Polystyrene ถูกผลิตออกมาหลากหลายยี่ห้อมาก แต่ที่แอดเลือกให้ Yes Moulding ดีที่สุด เพราะว่า ยี่ห้อนี้ไว้ใจได้เรื่องคุณภาพแน่นอน มีรูปแบบให้เลือกมากที่สุด เป็นยี่ห้อเดียวที่โดดเด่นวัสดุ Polystyrene มากกว่าทุกยี่ห้อ และยังการันตีรีวิวจากช่าง และ ผู้ใช้จริง ว่าทนทาน คุณภาพได้มาตรฐานแน่นอน ยี่ห้อนี้รับรองไม่ทำให้ผิดหวัง

 

สนใจสั่งซื้อประตูห้องน้ำ ประตุภายในบ้าน วงกบประตู คิ้วบัว บานซิงค์ ไม้พื้น SPC ทักแช๊ทขอใบเสนอราคาแอดมินที่นี่ LineOA:@bwatsad

 

แผ่นซีเมนต์บอร์ด การพัฒนาของวัสดุก่อสร้างที่ทันสมัยมากขึ้น

แผ่นซีเมนต์บอร์ด การพัฒนาของวัสดุก่อสร้างที่ทันสมัยมากขึ้น

 

การติดตั้งซีเมนต์บอร์ดในบ้าน

 ขอขอบคุณภาพซีเมนต์บอร์ดบ้านจาก SCG

 

   ต้องกล่าวก่อนว่า แผ่นซีเมนต์บอร์ด คืออะไร และเป็นวัสดุใช้ทำอะไรในการก่อสร้าง พูดง่ายๆก็คือ แผ่นซีเมนต์บอร์ด คือแผ่นซีเมนต์สำเร็จรูป เป็นวัสดุก่อสร้างประเภทที่เรียกว่าไม้อัดซีเมนต์ ที่ทำการผสมผสานระหว่างไม้อัดและซีเมนต์ ทำให้ได้ข้อดีต่างๆของทั้งคู่ นั่นก็คือได้คุณสมบัติของทั้งซีเมนต์แล้วไม้อัดข้อดีอย่างเช่น การเพิ่มความยืดหยุ่นและน้ำหนักที่เบา เอกลักษณ์เฉพราะของไม้อัด บวกกับความทนทานแข็งแรง ทนต่อสภาพอากาศ และสภาพแวดล้อมต่างๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของซีเมนต์

 

   ซึ่งเมื่อการพัฒนาบวกกับการคิดค้นได้เกิดขึ้น กรรมวิธีการผลิตก็มีความก้าวหน้าบวกเพิ่มขึ้นไปอีก ทำให้ได้ แผ่นซีเมนต์บอร์ด ที่มีความยืดหยุ่นสูงไส้กลางมีความแข็งแรง ไม่บุบสลายง่าย เนื้อแผ่นเรียบ มีลวดลายที่สวยงาม ละเอียดให้อารมณ์เหมือนสีสไตล์ปูนเปลือย จึงทำให้เกิดวัสดุประเภทใหม่ที่ทันสมัยตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ที่ต้องการความสวยงามที่เพิ่มขึ้น และช่วยแก้ปัญหาในการก่อสร้าง

 

เช่นช่วยประหยัดเวลานั่นเองเพราะด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ ซีเมนต์บอร์ด  เป็นหนึ่งในวัสดุที่กำลังเป็นที่นิยมสำหรับงานก่อสร้างมากที่สุดในตอนนี้นั่นเอง ซึ่งความนิยมในการใช้ ซีเมนต์บอร์ด ในการก่อสร้างนั้นมีอะไรบ้างเราไปต่อกันเลย

 

แผ่นซีเมนต์บอร์ด สามารถใช้แบบไหนได้บ้าง ?

จากที่กล่าวไปในส่วนของย่อหน้าแรก ซีเมนต์บอร์ด ก็คือแผ่นซีเมนต์สำเร็จรูปมีให้เลือกหลายขนาดนิยมใช้เอาไว้ทำฝาผนัง หรือทำพื้นแบบแห้ง ไม่ต้องใช้การเทปูนแบบปูนผสมน้ำ หรือการก่ออิฐในการสร้างผนังหรือกำแพง สามารถใช้งานได้ทั้งภายนอกและภายในเพราะมีความทนทานสูงอยู่แล้ว น้ำไม่รั่วไม่ซึม

 

จะเน้นเป็นงานประเภทงานตกแต่งโดยเฉพาะงานที่ต้องการโชว์ผิวของวัสดุ สามารถใช้แทนงานปูนเปลือยขัดมันได้ โดยไม่ต้องมีอะไรมาปิดผิว ทำให้สะดวก รวดเร็วในการติดตั้ง ประหยัดเวลาและต้นทุนในการก่อสร้างไปได้มาก เพราะเน้นการโชว์ผิวโดยไม่ต้องมีวัสดุมาปิดทับ ไม่ต้องเก็บงาน เหมาะกับสไตล์ลอฟท์ หรือโมเดิร์น ซึ่งต้องบอกว่าข้อดีของ แผ่นซีเมนต์บอร์ด นอกจากที่กล่าวมาแล้ว ก็ยังมีอีกมากที่ทำให้วัสดุชนิดนี้เป็นที่นิยมอย่างมากในการก่อสร้าง

 

 

ทำไมจึงเลือกใช้ แผ่นซีเมนต์บอร์ด ในการก่อสร้าง ?

 

-ปลวกไม่กิน และไม่เกิดเชื้อรา

   ด้วยกรรมวิธีผลิตที่ต้องผ่านการอัดด้วยแรงกดสูงจนได้ความหนาที่ต้องการ วิธีผลิตที่ได้มาตรฐานไม่เสี่ยงต่อการเจอเนื้อวัสดุที่แยกชั้น ทำให้ส่วนผสมที่เป็นไม้จึงถูกครอบคลุมและผสมผสานเป็นเนื้อเดียวกับซีเมนต์

 

-ทนไฟ

   ผ่านการทดสอบการทนไฟตามมาตรฐาน BS 476 ข้อ 6 และ 7 จัดเป็นวัสดุประเภท O หรือ virtually non-combustible ช่วยเพิ่มความปลอดภัยยามเกิดเพลิงไหม้ และระบบผนังที่สร้างจาก วีว่า บอร์ด ผ่านการทดสอบสำหรับผนังทนไฟ 1 ชั่วโมง และ 2 ชั่วโมง ชั่วโมงช่วยเพิ่มความปลอดภัยยามเกิดเพลิงไหม้

 

-กันความร้อน

   แผ่นซีเมนต์บอร์ด มีส่วนผสมของไม้ ซึ่งเป็นวัสดุที่มีค่าการนำความร้อนต่ำช่วยให้บ้านเย็นสบาย ถ่ายเทความร้อนได้สะดวก และช่วยประหยัดพลังงาน

 

-ป้องกันเสียงรบกวน

   ความหนาแน่นที่สูงถึง 1300 กก./ลบ.ม. ทำให้ ซีเมนต์บอร์ด สามารถป้องกันเสียงรบกวนได้เป็นอย่างดี

 

-คงทนต่อทุกสภาวะอากาศ

   ซีเมนต์บอร์ดผ่านการทดสอบแล้วว่ามีค่าความยืดหยุ่นและค่าต้านแรงดันที่สูงกว่ามาตรฐาน มอก. สามารถใช้งานภายนอกได้นับสิบ ๆ ปี โดยไม่บวม ผุกร่อน หรือย่อยสลาย ซึ่งมีคุณสมบัติไม่ต่างอะไรจากการก่อผนังแบบอิฐและฉาบปูนเลย

 

-สวยงาม ติดตั้งง่าย รวดเร็ว

ซีเมนต์บอร์ดผ่านกรรมวิธีขัดผิวทำให้ได้ผิวที่เรียบเนียนละเอียด ซึ่งถึงตัววัสดุจะทำมาจากไม้ก็จะไม่พบเศษไม้ปราศจากเศษไม้ บนผิวหน้าสามารถนำไปใช้แบบเปลือยสไตล์ลอฟท์โดยไม่ต้องทาสี ติดตั้งระบบแห้งไม่เลอะเทอะอีกด้วย

 

-ปลอดภัยต่อสุขภาพ

    ซีเมนต์บอร์ดไม่ผสมสารใยหิน (Asbestos) หรือกาวยูเรียฟอมัลดีไฮน์ที่พบในวัสดุก่อสร้างอื่นที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

 

-ประหยัด

   นอกจากจะมีราคาไม่แพงแล้ว แผ่นไม้อัดซีเมนต์อเนกประสงค์ ยัง ช่วยประหยัดทั้งค่าแรงงานก่อสร้าง และค่าฐานรากอาคาร

 

-ใช้งานได้อเนกประสงค์

   สามารถเลื่อย เจาะ ตอกตะปู ยึดด้วยสกรู เคลือบผิว ทาสี ติดวอลเปเปอร์ รวมถึงปูกระเบื้องได้ นอกจากผนัง และพื้นบ้านแล้ว ยังทำเป็นพื้นบันได เคาน์เตอร์ครัว และอื่นๆ อีกมากมาย โดยขนาดความหนาที่เหมาะสำหรับทำผนัง ได้แก่ 8-16 มม. ส่วนพื้น 20-24 มม. ซึ่งค่าแบบนี้ สามารถทำได้แทบทุกอย่างที่ต้องการได้เลย

 

อย่างไรก็ตามเมื่อทราบถึงจุดเด่นของ แผ่นซีเมนต์บอร์ด กันแล้ว เราก็ยังต้องมาตัดสินใจเลือกอีก 1 อย่างนั่นก็คือ ยี่ห้อของ ซีเมนต์บอร์ด นั่นเอง ซึ่งส่วนนี้ก็ถือว่ามีความสำคัญอย่างมากเช่นกัน เพราะในท้องตลาด ซีเมนต์บอร์ด ก็ถือว่ามีบริษัทชั้นผลิตวัสดุก่อสร้าง ผลิตกันออกมาให้เลือกกันหลายเจ้าเลยทีเดียว ส่วนเหตุผลการเลือกซื้อก็จะแล้วแต่ปัจจัยของแต่ละคน

แผ่นซีเมนต์บอร์ด

 

 

ยี่ห้อ แผ่นซีเมนต์บอร์ด  ที่พบบ่อยในท้องตลาด

 

แผ่นซีเมนต์บอร์ด SCG

ยี่ห้อนี้ก็ต้องบอกว่า ครองตลาดเยอะที่สุด ไม่มีใครไม่รู้จัก สินค้ามาตรฐานทุกชิ้นอยู่แล้ว
ส่วนซีเมนต์ บอร์ด เอสซีจี มีขนาดเดียวคือ 120 x 240 ซม. และมีความหนาให้เลือกหลากลาย คือ 8, 10, 12, 16, 20 และ 24 มม. สามารถเลือกใช้งานตามความเหมาะสม

  • งานรองใต้หลังคา
  • งานฝ้า
  • งานผนัง
  • งานพื้น

ตารางความหนาแผ่นซีเมนต์บอร์ด

ขอขอบคุณรูปภาพตารางความหนาแผ่นจาก SCG
   

    ส่วนขนาดนั้นก็สามารถเลือกได้ความต้องการ หรือปรึกษาพนักงานขายหรือช่างออกแบบผู้เชี่ยวชาญได้เลย

 

ดูร่าวัน

   เรียบเนียน สวย มีดีไซน์ ดูร่าวันซีเมนต์บอร์ด ก็ถือว่าเป็นอีกแบรนด์ที่ได้รับความนิยมได้มาตรฐานเช่นกัน ด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย โดดเด่นด้วยผิวหน้าแบบปูนดิบสไตล์ลอฟท์
   
   ทำให้ดูร่าวันซีเมนต์บอร์ด สวย เรียบเนียน แข็งแรง ทนทานทุกสภาพอากาศ น้ำหนักเบา ไม่มีปัญหาเรื่องปลวกกิน ใช้งานได้หลากหลาย มีไซส์และขนาดให้เลือกที่เหมาะกับการใช้งานถึง 6 ขนาด

 

ซีเมนต์บอร์ดดูร่าวัน

ขอขอบคุณภาพจาก ดูร่าวันซีเมนต์บอร์ด

วีว่า บอร์ด

    วีว่า บอร์ด ได้ความหลากหลายขนาดและความหนา มีขนาดให้เลือกในการใช้งานที่ใหญ่ที่สุดกว่าทุกแบรนด์ เพื่อการใช้งานในพื้นที่ต่าง ๆ นอกจากขนาดมาตรฐาน 1,200 x 2,400 มิลลิเมตร แล้ว วีว่า บอร์ด ได้เพิ่มขนาดพิเศษ

 

วีว่าบอร์ด

ขอขอบคุณภาพจาก วีว่าบอร์ด

 

   เพื่อการใช้งานที่หลากหลายยิ่งขึ้น ด้วยแผ่นความยาวใหม่ 3,000 มิลลิเมตร หรือ 3 เมตร เพื่อการใช้งานในพื้นที่ขนาดใหญ่ ลดรอยต่อแผ่น ติดตั้งได้สะดวกรวดเร็ว เติมเต็มทุกจินตนาการแห่งการตกแต่งอย่างแท้จริง

 

 

✅..เปรียบเทียบหรือขอใบเสนอราคาวัสดุก่อสร้างติดต่อเราได้นะคะ
📞 Tel: 097-428-2987 , 095-424-9454
LINE ID:@bwatsad

 

พื้นคอนกรีต สำเร็จรูปดีอย่างไร

พื้นคอนกรีตสำเร็จรูปความหมายคือตัวพื้นคอนกรีตสำเร็จรูป ยกมาติดตั้งแล้วใช้งานเลยไม่ได้ ต้องมาทำอะไรบางอย่าง ที่หน้างานอีกขั้นตอนหนึ่ง แล้วถึงจะได้องค์ประกอบที่สำเร็จพร้อมใช้งาน  พื้นสำเร็จรูปออกแบบมาพร้อมที่จะใช้งานแต่ยังใช้งานไม่ได้

พื้นสำเร็จรูปต้องประกอบด้วย 2 ส่วนหลักๆ
คือหนึ่งส่วนที่ผลิตมาจากโรงงานส่วนนี้ต้องมีคุณสมบัติที่แข็งแรงพอสมควร รับน้ำหนักตัวเองได้ ขนส่งแล้วไม่แตกไม่หักเพราะฉะนั้นผลิตที่โรงงานมันจะเร็วควบคุมคุณภาพง่าย เสร็จแล้วเอามาติดตั้งง่ายด้วย องค์ประกอบนี้เป็นองค์ประกอบหลักที่ถูกออกแบบมา
องค์ประกอบที่สองคือ พอมาติดตั้งหน้างานใช้ได้เลยไม่ได้แต่ต้องรับน้ำหนักระหว่างก่อสร้างได้ความหมายคือ เอาพื้นไปวาง แล้วต้องขึ้นไปเดินได้ขึ้นไปผูกเหล็กได้ ต้องแข็งแรงพอที่จะเอาคอนกรีตมาเทแล้วไม่หักแต่ยังรับน้ำหนักตามที่ออกแบบโดยสมบูรณ์ได้ดี  ซึ่งหลักๆเขาเรียกเท Topping มาผูกเหล็ก เท Topping ตามที่ออกแบบมา พอมันแข็ง จับตัวเป็นเนื้อเดียวกันมันถึงสำเร็จรูปที่ใช้งานได้ ตามวัตถุประสงค์ที่ถูกออกแบบมา เพราะฉะนั้นมันถึงมี 2 ส่วน

ส่วนแรกคือถูกผลิตมาจากโรงงาน รับน้ำหนักตัวเองได้ ขนส่งตัวเองได้ ไม่แตก ไม่หัก เอามาติดตั้งแล้วไม่แตกไม่หักรับน้ำหนักการทำงานบนตัวมันเองได้ในระดับหนึ่ง พอมาประกอบส่วนที่ 2 เข้าไปใส่เหล็กตะแกรง Wire Mesh ผูกเหล็กต่างๆ เทคอนกรีตทับหน้าตาที่ออกแบบมาพอคอนกรีตทับหน้าได้กำลังแข็งตัวตามที่ออกแบบมา มันจะมีความแข็งแรงอีกระดับหนึ่งนั้นคือระดับที่เราต้องการ ในการออกแบบ เราจึงนิยามคอนกรีตประเภทนี้ หรือพื้นคอนกรีตประเภทนี้ว่า พื้นสำเร็จรูป

ตัวอย่างพื้นสำเร็จรูปที่นำไปใช้งาน
แบบที่ 1 แผ่นพื้นสำเร็จรูปท้องเรียบ หน้า 5 ซม. กว้าง 35 ซม. ยาวไม่เกิน 4 เมตร โดยปกติ อันนี้เวลาก่อสร้างบ้านจะเห็นเขาขายวางเรียงกันเป็นแถวๆ อันนี้แบบที่หนึ่ง คุ้นชินกันอยู่แล้วโดยเฉพาะบ้านพักอาศัย หรืออาคารขนาดเล็ก Span ไม่ยาวส่วนใหญ่ก็จะคลุมที่เรียกว่าระยะคานถึงคาน ประมาณไม่เกิน 4 เมตร เราก็ใช้ตัวนี้ แล้วก็รับน้ำหนักไม่เยอะมาก 100 – 200 กก./ตร.ม.
แบบที่ 2 ต้องการที่แข็งแรงมากว่านี้หน่อย อาจจะใช้ในงานห้างสรรพสินค้า โรงงานอุตสาหกรรม ที่คานถึงคาน 8 เมตร 10 เมตร หรือ 12 เมตร ก็ได้ อาจจะรับน้ำหนักถึง 500 กก./ตร.ม. 1,000 กก./ตร.ม. ก็ยังรับได้ แบบตรงนั้นก็ต้องใช้แผ่นพื้นสำเร็จรูปอีกแบบหนึ่งซึ่งเราอาจจะเคยเห็นที่เขาขนส่ง หรือที่ก่อสร้างคือ แผ่นพื้นสำเร็จรูป Hollow Core ก็จะมีความหนาตั้งแต่ 12 ซม. 6,10,12 ,15,25,30 ซม. แล้วมีรูตรงกลางเพื่อลดน้ำหนัก เขาจะออกแบบมาซึ่งทำงานเหมือนกันเลย พอมันใหญ่ขึ้น แข็งแรงขึ้น มันก็จะรับความยาวช่วงได้มากขึ้นรับน้ำหนักบนตัวมันได้มากขึ้น นอกนั้นหลักการเดียวกันกับพื้นสำเร็จรูปท้องเรียบ อันนั้นคือพื้น Hollow Core ส่วนใหญ่ที่เป็นคอนกรีตเราก็จะเจอสองแบบนี้

แต่เราจะเห็นอีกแบบหนึ่งที่เราจะเห็นบางทีเขาทำสะพานลอย Sky Walk จะเห็นว่าทำไมเขาเอาเมทัลชีทมาวาง แล้วเทคอนกรีตจริงๆ มันเป็นเหล็กเดียวกับเมทัลชีท เราเรียกระบบนี้ว่า Steel Deck แทนที่จะเอาแผ่นพื้นท้องเรียบ เขาก็เอาแผ่นที่เป็นลอนที่เป็นเหล็กเอามาวาง เสร็จแล้วก็จะมีเดือย เอา Wire Mesh วาง เสร็จแล้วเทปูน เหมือนกันพอเสร็จแล้วก็ใช้งานได้ตามปกติ เพราะฉะนั้นตรงนี้ก็จะเป็นแผ่นพื้นสำเร็จรูปอีกแบบหนึ่ง เพียงแต่ว่าตัวสำเร็จรูปจากโรงงาน เปลี่ยนจากคอนกรีตเป็นเหล็กเท่านั้น
ทำไมต้องใช้แบบนี้ แผ่นพื้นสำเร็จรูปผลิตจากโรงงานมาถึงวางบนคาน สิ่งที่หายไปในการก่อสร้างคือไม้แบบ ลองนึกภาพถ้าไม่เอาแผ่นพื้นสำเร็จรูปมาใช้ เราจะเทปูนด้วยการเอาคอนกรีตมาเท สมมุติชั้นสองช่างต้องตั้งตุ๊กตา ตุ๊กตาที่เป็นไม้ ไม่ใช่ตุ๊กตาเป็นตัว ต้องตั้งตุ๊กตาเสร็จแล้วต้องทำคานไม้ ตั้งไม้เสร็จแล้วต้องปูแผ่นไม้อัด เพื่อทำเป็นไม้แบบรองรับ ทำไม้แบบเสร็จแล้วค่อยผูกเหล็ก ผูกเหล็กเสร็จแล้วค่อยเทปูน แล้วต้องรออีกอย่างน้อย 14 วัน ถึงจะถอดไม้แบบข้างล่างได้ทำอะไรต่อไม่ได้เลย

พื้นสำเร็จรูป มีประโยชน์อย่างไร

1.เหมาะสมที่สุดคือมันเอามาแทนการใช้ไม้แบบไปเลย
2.ลดเวลาการใช้แรงงานคน ลดค่าแรง
ซึ่งพอมาเฉลี่ยกันแล้วพื้นสำเร็จรูปเหมือนจะแพงกว่า แต่จริงๆ พอมาชดเชยเรื่องเวลาและค่าแรงต่างๆ ค่าไม้แบบที่เอามาถัวเฉลี่ยกัน ไม่ได้แพงกว่าเลย เป็นทางเลือกที่ดีทางเลือกหนึ่ง

เครดิตคุยข้อมูล

รีโนเวทบ้านไม้ เป็นบ้านคอนกรีต ทำได้ไหม และทำอย่างไร

รีโนเวทบ้านไม้ เป็นบ้านคอนกรีต ทำได้ไหม และทำอย่างไร

รีโนเวทบ้านไม้ เป็นบ้านคอนกรีต ทำได้ไหม และทำอย่างไร

Photo Source https://www.canva.com/photos/MADBcZIqzVc-thai-wooden-house/

เมื่อพูดถึงการอาศัยอยู่ในบ้านเป็นเวลานาน ๆ หนึ่งในสิ่งที่มักจะตามมานั่นคือ การรีโนเวทบ้าน ซึ่งเป็นการปรับเปลี่ยนรูปแบบตัวบ้านใหม่ เข้ากับวิถีชีวิตและความต้องการใน ณ เวลานั้น โดยบางคนอาจจะแค่ทาสีใหม่ เพิ่มลดเฟอร์นิเจอร์ แต่บางคนก็ต้องการเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกใหม่แทบทั้งหมด โดยวันนี้เราจะมาพูดถึงการรีโนเวทบ้านจากบ้านไม้มาเป็นบ้านคอนกรีต ว่าจะทำได้หรือเปล่า และหากทำได้ต้องทำอะไรบ้าง มีการเตรียมตัวอย่างไร และมีเรื่องอะไรบ้างที่ควรระวังในการรีโนเวทแบบนี้

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ งานฐานราก

เมื่อพูดถึงงานโครงสร้างทุกรูปแบบบนโลกใบนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ต้องคำนึงถึงเป็นอันดับแรกนั่นคือ งานฐานราก เพราะโครงสร้างจะสามารถตั้งอยู่บนพื้นได้หรือไม่ล้วนอยู่ที่ความสามารถในการรับน้ำหนักของฐานรากทั้งสิ้น ซึ่งจากที่กล่าวมา สิ่งแรกที่ต้องคิดก่อนรีโนเวทบ้านไม้คือ ฐานรากปัจจุบันรับน้ำหนักโครงสร้างคอนกรีตไหวไหม

บ้านไม้ไทยโดยทั่วไปจะสร้างโดยมีเสาปูนตอกลงใต้ดินไม่ลึกมาก โดยปลายของเสาที่ถูกฝังอยู่จะมีตีนเสาแผ่ออกมาเล็กน้อยเพื่อรับน้ำหนักบ้าน หรือที่เรียกว่า Footing จากนั้นค่อยเป็นการต่อคานระหร่างเสาแต่ละต้นด้วยไม้เป็นพื้นบ้านที่เรียกว่า ตงไม้ แล้วค่อยต่อเสาของตัวบ้านขึ้นไปยังโครงสร้างด้านบน โดยโครงสร้างหลักแทบทั้งหมดคือ ไม้

จากทั้งหมดที่กล่าวมาตีเสาที่เป็นฐานรากแม้จะรับน้ำหนักบ้านทั้งหลังก็จริง แต่ตัวบ้านก็เป็นไม้ซึ่งเป็นวัสดุที่น้ำหนักเบากว่าคอนกรีตอย่างน้อย 5 เท่าตัว ดังนั้นแค่เรื่องน้ำหนักของวัสดุก็ไม่สามารถเปลี่ยนโครงสร้างจากไม้เป็นคอนกรีตแล้ว เพราะฉะนั้นเบื้องต้นไม่สามารถรีโนเวทได้ทันที แต่หากคุณต้องการจะรีโนเวทใหม่จริง ๆ อาจจะเพราะปัญหาเรื่องการใช้งาน เสียงดังเอี๊ยดอ๊าดต่าง ๆ ก็พอจะมีวิธีแก้ปัญหาให้ ซึ่งผมรวบรวมมาให้แล้ว

รีโนเวทบ้านไม้ เป็นบ้านคอนกรีต ทำได้ไหม และทำอย่างไร

Photo Source https://www.canva.com/photos/MADAXkz5hnY-three-wooden-thai-northern-style-house/

ทางออกสำหรับปัญหาฐานรากรับน้ำหนักไม่ได้

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าการจะรีโนเวทบ้านไม้ให้กลายเป็นบ้านคอนกรีตโดยตรงนั้นไม่สามารถทำได้ เพราะคานบ้านจะไม่สามารถรับน้ำหนัก เพราะฉะนั้นนี่คือ ทางออกสำหรับคนที่ต้องการจะรีโนเวทบ้านจริง ๆ

1. รีโนเวทพื้นที่ใต้ถุนให้เป็นห้องสำหรับใช้งาน
วิธีแรกเป็นวิธีที่คนนิยมทำกันมาก นั่นเพราะธรรมชาติของบ้านไม้ของไทยจะเป็นบ้านแบบยกสูงและปล่อยพื้นที่ใต้ถุนบ้านที่ค่อนข้างกว้างไว้ เพราะฉะนั้นตัวเลือกที่ดีคือ การทำโครงสร้างใหม่ขึ้นมาที่ใต้ถุนบ้าน อาจก่ออิฐขึ้นเป็นห้องใหม่อีก 1 ห้องเพื่อใช้ประโยชน์ โดยวิธีคือ ตอกเสาใหม่สำหรับรับน้ำหนักโครงสร้างปูนลงไปที่ใต้ถุนเพื่อสร้างส่วนต่อเติมเป็นห้องใหม่ที่ไม่ไปรบกวนน้ำหนักของโครงสร้างเก่า ทำให้เสาเดิมของตัวบ้านไม่ต้องรับน้ำหนักคอนกรีตเพิ่ม

2. ปรับพื้นชั้น 2 เป็นคอนกกรีต
หนึ่งในปัญหาของการอยู่บ้านไม้คือ ปัญหาเสียงดังของพื้นไม้เวลาเดิน เพราะฉะนั้นหากมีการทำห้องด้านล่างเป็นส่วนต่อเติมในข้อที่ 1 แล้ว เพียงแค่ทำเสาเพิ่มเข้าไปเพื่อรับน้ำหนักคานที่เป็นปูน แล้วทำการเทปูนเป็นพื้นชั้น 2 รองใต้ตงไม้ ก็ช่วยให้ปัญหาเสียงดังของพื้นตงไม้หายไปได้แล้ว เพียงแต่วิธีนี้จะใช้ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ใช้เวลาพอสมควร ตามปกติช่างจะแนะนำให้รื้อสร้างใหม่แต่ใช้วัสดุเก่า จะประหยัดกว่า ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความพอใจและงบประมาณของเจ้าของบ้านในแต่ละกรณี

3. เพิ่มส่วนขยายโดยแยกโครงสร้างกันให้ชัดเจน
วิธีนี้ใกล้เคียงกับข้อ 1 โดยการทำส่วนต่อเติมออกมา แต่จะต่างกันตรงที่เป็นการต่อส่วนขยายออกมาจากตัวบ้านอย่างชัดเจน อาจทำเป็นห้องเพิ่มขึ้นมาหรือทำเป็นส่วนใช้งานอื่น ๆ ก็ง่ายเช่นกัน แบบนี้ก็เป็นการต่อเติมตามความต้องการได้เลยไม่ต้องกังวลเรื่องฐานรากของตัวบ้าน

4. รื้อทำใหม่แต่ใช้วัสดุเก่า
นี่คือ วิธีที่ผมกล่าวถึงในข้อที่ 2 โดยอาจเกินเลยจากการรีโนเวทไปเป็นการรื้อถอนก่อนจะสร้างใหม่ด้วยวัสดุและโครงสร้างภายนอกแบบเดิม เปลี่ยนแค่การออกแบบภายในและส่วนฐานรากที่สามารถรับน้ำหนักได้มากขึ้นตามความต้องการและการออกแบบของคุณ วิธีนี้เมื่อเทียบกันแล้วค่อนข้างใช้งบประมาณน้อย เพราะงานที่ทำใหม่ส่วนใหญ่จะเป็นงานฐานรากและงานสถาปัตย์ภายในเท่านั้น ส่วนงามฐานรากเองก็เป็นงานที่ใช้งบประมาณไม่ได้สูงมากจนเกินไป

รีโนเวทบ้านไม้ เป็นบ้านคอนกรีต ทำได้ไหม และทำอย่างไร

Photo Source https://www.canva.com/photos/MADB6ai8etc-thai-house/

ทั้ง 4 ข้อนี้คือ สิ่งที่คุณสามารถทำได้ในกรณีที่จำเป็นหรือต้องการจะรีโนเวทบ้านไม้จริง ๆ อย่างไรก็ดีสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เรื่องงบประมาณ ค่าใช้จ่าย และคุณค่าต่อจิตใจของผู้อยู่อาศัย หากตอนนี้ใครที่กำลังตัดสินใจรีโนเวทบ้านไม้ก็หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์ ส่วนใครที่กำหลังคิดจะสร้างบ้านไม้เพื่ออยู่อาศัย อาจลองพิจารณ์เรื่องงานฐานรากที่มีความแข็งแรงมั่นคงและรับน้ำหนักตัวโครงสร้างได้มาก อย่างน้อยก็เป็นการวางแผนล่วงหน้าเผื่อตัวคุณหรือสมาชิกคนอื่น ๆ ในครอบครัวต้องการทำการรีโนเวทบ้าน จะได้สามารถทำได้อย่างสบายใจ และไม่มีปัญหาอะไรตามมาภายหลังนั่นเอง

ลวดเหล็กที่ดีต้องมีคุณสมบัติอย่างไร

ลวดเหล็กที่ดีต้องมีคุณสมบัติอย่างไร

เมื่อพูดถึงวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างและพบเจอบ่อยในการใช้ชีวิตประจำวัน แต่คนเรากลับไม่ค่อยนึกถึงหรือให้ความสำคัญมากเท่าไหร่นัก วัสดุชิ้นนั้นก็คือลวดเหล็กนั่นเอง นั่นเพราะมองจากภายนอกก็ดูแทบไม่แตกต่างกัน ยี่ห้อไหนก็ไม่ต่างกัน เป็นลวดชุบสังกะสีเหมือนกัน แต่ความจริงแล้วในรายละเอียดลึก ๆ ของลวดเหล็กชุบสังกะสีนั้นค่อนข้างแตกต่างกันและมีส่วนที่ไม่สามารถมองข้ามได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของอายุการใช้งาน เพราะฉะนั้นในบทความนี้ผมจะมาพูดถึงประโยชน์ว่า ลวดเหล็กสามารถนำมาใช้ทำอะไรได้บ้างและลวดเหล็กที่ดีต้องมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง

ลวดเหล็กที่ดีต้องมีคุณสมบัติอย่างไร

Photo Source https://www.canva.com/photos/MAD3melpSFs-steel-wire/

คุณสมบัติที่สำคัญของลวดเหล็กชุบสังกะสี

แน่นอนครับว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดของวัสดุที่ใช้สำหรับการก่อสร้างโดยเฉพาะประเภทโลหะอย่างลวดนั่นคือ ความแข็งแรง ซึ่งนี่ก็เป็นคุณสมบัติข้อแรกและสำคัญที่สุดที่หลายคนมองหาในตัวลวดเหล็ก แต่ความจริงแล้วยังมีอีกหนึ่งคุณสมบัติที่สำคัญไม่แพ้ความแข็งแรงนั่นคือ ความทนทานต่อการเกิดสนิม ใช่ครับลวดเหล็กที่เรากำลังพูดถึงอยู่นั่นคือลวดเหล็กชุบสังกะสี ซึ่งเหตุผลหลักที่ลวดเหล็กจำเป็นต้องมีการนำไปชุบสังกะสีก็เพื่อป้องกันการผุกร่อน และการสึกหรอ จากการเกิดสนิมนั่นเอง ซึ่งก็เป็นลวดเหล็กที่เราสามารถพบเห็นได้ทั่วไปนั่นแหละครับ

ลวดเหล็กชุบสังกะสี ใช้ทำอะไรบ้าง

1. กลุ่มรั้วลวดเหล็ก
การนำลวดเหล็กชุบสังกะสีไปใช้ประโยชน์ข้อนี้ น่าจะเป็นข้อที่พบเห็นได้บ่อยที่สุด ไม่ว่าจะเป็นรั้วลวดเหล็กชนิดตาข่าย หรือรั้วลวดเหล็กชนิดรั้วลวดหนาม
2. กลุ่มงานประมง
งานประมงจะมีการใช้ลวดเหล็กชุบสังกะสีในการทำ Crab Box หรือกรงดักปู งานอวนต่าง ๆ หรืองานคอนโดปลาสำหรับดักปลาเองก็ใช้ลวดหนามทำขึ้นมา
3. กลุ่มงานการเกษตรและปศุสัตว์
กลุ่มงานประเภทนี้จะมีการใช้ลวดเล็กกันอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็น เสาเลื้อยสำหรับต้นองุ่น กรงสัตว์ขนาดเล็กต่าง ๆ เช่น กรงไก่ เป็นต้น
4. กลุ่มงานก่อสร้าง
การใช้งานลวดหนามในงานกลุ่มนี้ถูกใช้อย่างแพร่หลายมาก ไม่ว่าจะเป็น การนำมาตีเกลียวเป็นลวด Strand สำหรับใช้ทำสายดินในเสาคอนกรีตอัดแรง ใช้สำหรับเสาส่งไฟฟ้าแรงสูงและสายสลิง
ลวดธรรมดาสำหรับงานมือทั่ว ๆ ไป หรือแม้กระทั้งใช้เป็นกล่อง Gabion สำหรับทำ Slope Protection หรือตาข่ายป้องกันการกัดเซาะของดินริมตลิ่ง ใช้งานโดยคลี่กรง Gabion ออกมาแล้วเอาหินใส่จนเต็มก่อนจะนำมาวางเพื่อเป็นชั้นหินป้องกันการกัดเซาะของหน้าดินตามริมแม่น้ำและไหล่เขาต่าง ๆ

นอกจากงานภายนอกอาคารแล้วงานภายในอาคารเองก็มีการใช้ลวดเหล็กชุบสังกะสีเช่นกัน นั่นคือ ลวดแขวนฝ้าเพดานที่แทบทุกบ้านต้องใช้กันอยู่แล้ว หรือถ้าเป็นตามโรงงานก็จะเป็นลวดสำหรับใช้รับ Insulation

ลวดเหล็กที่ดีต้องมีคุณสมบัติอย่างไร

Photo Source https://www.canva.com/photos/MADEL1ROWEI-steel-wires-in-hand/

จะเห็นว่าวัสดุเล็ก ๆ อย่างลวดเหล็กนั้นไม่ได้รับผิดชอบงานเล็ก ๆ ตามตัวมันเลย เพราะบางครั้งโครงสร้างจะสามารถอยู่ตัวและคงทนแข็งแรงได้นานแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติและการชุบเคลือบสังกะสีป้องกันสนิมของลวดเหล็กนั่นเอง

การชุบเคลือบสังกะสีในลวดเหล็กมีกี่ประเภท

1. Electro Galvanization
การเคลือบผิวลวดเหล็กด้วยสังกะสีเรียกอีกชื่อว่า Electro Galvanization หรือการเคลือบลวดแบบชุบไฟฟ้า เป็นการชุบด้วยไฟฟ้าที่เรียกว่า ลวดไฟฟ้า ซึ่งจะได้ผิวเคลือบที่บาง ทนต่อการขีดข่วนได้ไม่ดี สังกะสียึดเกาะต่ำกว่า ชั้นเคลือบบางกว่า ส่งผลให้อายุการใช้งานสั้นกว่า
2. Hot-Dip Galvanization
การเคลือบแบบนี้คือ การเคลือบสังกะสีแบบจุ่มร้อน เป็นวิธีการเคลือบที่ทำให้ชั้นผิวเคลือบแข็งแรง ทนต่อการขีดข่วนได้ดี สังกะสียึดเกาะแน่น ไม่หลุดล่อน มีชั้นเคลือบที่หนากว่า ส่งผลให้อายุการใช้งานมีมากกว่า

แต่แม้จะเป็นการชุบเคลือบสังกะสีแบบ Hot-Dip Galvanization เหมือนกัน แต่ก็มีหลายวิธีในการเคลือบ โดยหากเปรียบเทียบการเคลือบแบบ Hot-Dip Galvanization ด้วยการทดสอบการกัดกร่อนภายใต้ Salt Spray Test : ASTM B117-11 จะได้ผลลัพธ์ออกมาดังนี้

– Hot-Dip Galvanization ชนิดเคลือบบาง จะเกิดสนิมแดงหลังผ่านการทดสอบไป 120 ชั่วโมง
– Hot-Dip Galvanization ชนิดเคลือบหนา จะเกิดสนิมแดงหลังผ่านการทดสอบไป 480 ชั่วโมง
– Hot-Dip Galvanization ชนิดซิงค์อลูมิเนียม 10% ยังไม่เกิดสนิมแดงหลังผ่านการทดสอบไป 960 ชั่วโมง

ลวดเหล็กที่ดีต้องมีคุณสมบัติอย่างไร

Photo Source https://www.canva.com/photos/MAEbJ_T29yg-steel-wire-warehouse-/

แม้ทั้ง 3 รูปแบบ เมื่อถูกเคลือบสังกะสีออกมาแล้วจะมีหน้าตาที่เหมือนกัน แทบแยกไม่ออก แต่เรื่องคุณภาพจะไม่ใกล้เคียงกันเลยครับ เพราะฉะนั้นการเลือกลวดเล็กที่ดีควรเลือกลวดเล็กที่ได้รับการชุบเคลือบสังกะสีแบบ Hot-Dip Galvanization ชนิดเลือบหนาหรือชนิดซิงค์อลูมิเนียม 10% จึงจะมีมาตรฐานและสามารถใช้งานได้อย่างคงทนแข็งแรงมีประสิทธิภาพสูงสุด ที่สำคัญคือ บริษัทผู้ผลิตต้องผ่านการรับรองมาตรฐานการผลิต หรือ มอก. เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพและความคงทนตลอดอายุการใช้งาน

ทั้งหมดนี้คือ ความสำคัญและวิธีการเลือกลวดเหล็กชุบสังกะสีที่ได้มาตรฐาน สามารถใช้งานได้ยาวนาน คงทนแข็งแรง ทั้งนี้การเลือกลวดเล็กมีความสำคัญ เพราะหากลวดเล็กแข็งแรง ไม่มีการเปลี่ยนบ่อย ก็เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและยังช่วยลดภาวะโลกร้อนได้อีกด้วย หากท่านต้องการสินค้าเกี่ยวกับบ้านและการก่อสร้าง หรือข้อมูลสินค้าอื่น ๆ สามารถเลือกชมหรือติดต่อเราผ่านทางเว็บไซต์นี้ได้เลยครับ

ฝนตก น้ำท่วม ส้วมเต็ม แก้ไขยังไงดี

ฝนตก น้ำท่วม ส้วมเต็ม แก้ไขยังไงดี

เชื่อว่าหลายท่านน่าจะเคยสังเกตว่าบ้านตัวเองเวลาที่หน้าฝนแล้วฝนตกหนัก ๆ ห้องน้ำจะมีปัญหาส้วมกดไม่ลงหรือส้วมเต็ม ทำให้ต้องแจ้งเทศบาลให้มาดูดส้วมหรือจ้างบริษัทดูดส้วมมาดูดส้วมบ่อยครั้ง เป็นเหตุให้เสียค่าใช้จ่ายอย่างสิ้นเปลือง แต่ความจริงแล้วปัญหาหน้าฝนฝนตกแล้วส้วมเต็ม สามารถแก้ปัญหาได้ด้วย 2 วิธี ซึ่งผมจะมาพูดถึงในบทความนี้

ฝนตก น้ำท่วม ส้วมเต็ม แก้ไขยังไงดี

สาเหตุของปัญหาส้วมเต็มในช่วงหน้าฝน

ระบบท่อระบายน้ำโดยทั่วไปของบ้านเราจะใช้ระบบ 2 บ่อ นั่นคือ ระบบบ่อเกรอะและบ่อซึม ซึ่งการทำงานโดยทั่วไปคือ บ่อเกรอะจะรับสิ่งปฏิกูลมาแล้วทำการตกตะกอน จากนั้นน้ำส่วนเกินก็จะไหลไปสู่บ่อซึม จากนั้นก็ซึมออกสู่พื้นดินหรือไหลสู่ระบบระบายน้ำต่อไป ซึ่งการทำงานนี้แม้จะเป็นระบบที่ใช้บ่อบำบัดน้ำก่อนค่อยส่งไปยังท่อระบายน้ำก็ใช้หลักการเดียวกัน โดยน้ำที่ผ่านการบำบัดจากบ่อบำบัดแล้วจะไหลไปสู่ท่อระบายน้ำไปสู่ท่อน้ำของประปาแทนการซึมออกแบบบ่อซึม

ซึ่งเหตุผลที่ส้วมเต็มกดไม่ลงเวลาหน้าฝนก็เพราะ เมื่อภายนอกมีน้ำมาก ๆ ซึ่งเกิดจากฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องก็จะทำให้การระบายน้ำออกจากบ่อซึมถูกดันกลับเข้ามายังบ่อซึมหรือท่อระบาย เพราะปกติแล้วบ่อซึมจะระบายน้ำออกไปสู่ธรรมชาติหรือระบายออกสู่ระบบระบายน้ำ แต่เมื่อน้ำในระบบมีมากกว่าน้ำในบ่อซึมจึงเป็นเหตุผลที่ไม่สามารถระบายได้ แล้วเมื่อระดับน้ำในบ่อซึมมากเข้าก็ทำการไหลย้อนกลับเข้าสู่บ่อเกรอะหรือบ่อบำบัด ส่งผลให้ไม่สามารถกดส้วมลงไปยังบ่อเกรอะได้

ฝนตก น้ำท่วม ส้วมเต็ม แก้ไขยังไงดี

วิธีแก้ปัญหาส้วมเต็มเวลาน้ำท่วม

ซึ่งวิธีแก้ปัญหาก็แบ่งได้ทั้งหมด 2 วิธี เป็นวิธีแบบง่าย ๆ และอีกวิธีนึงเป็นวิธีที่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วย

วิธีที่ 1 เป็นวิธีที่ใช้ได้กับบ้านที่ใช้ระบบบ่อบำบัด ที่จะทำการพักสิ่งปฏิกูลเอาไว้ก่อนจะส่งน้ำที่บำบัดแล้วไปสู่ท่อระบายน้ำของประปา เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับท่อประปา ดังนั้นก่อนที่จะแจ้งให้เทศบาลมาดูดส้วม ท่านอาจจะต้องลองเช็คดูท่อประปาบริเวณบ้านดูก่อนว่ามีอะไรอุดตันหรือเปล่า หากมีอะไรไปอุดตันหรือท่อไม่สะอาดก็สามารถแจ้งเทศบาลให้มาทำการลอกท่อบริเวณบ้านได้ ก็จะช่วยแก้ปัญหาส้วมเต็มกดไม่ลงในช่วงหน้าฝนได้ระดับหนึ่ง

วิธีที่ 2 วิธีนี้เป็นวิธีที่เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย ใช้ได้ทั้งบ้านที่เป็นระบบบ่อเกรอะบ่อซึม และบ้านที่ใช้ระบบบ่อบำบัดน้ำเสีย โดยวิธีใช้จะเป็นการติดตั้งปั๊มน้ำเอาไว้ก่อนที่จะส่งน้ำไปยังท่อระบายน้ำหรือติดตั้งต่อจากบ่อซึม โดยทั่วไปน้ำจะถูกส่งตรงไปยังบ่อซึมหรือท่อระบายน้ำ แต่เมื่อมีปั๊มน้ำมากั้นเอาไว้จะทำการติดเซ็นเซอร์วัดระดับน้ำเอาไว้ โดยก่อนจะส่งน้ำไปยังระบบท่อระบายน้ำ จะส่งน้ำมาพักไว้ที่บ่อของปั๊มน้ำ เมื่อน้ำขึ้นสูงมาจนถึงระยะที่เซ็นเซอร์ตั้งค่าไว้ ปั๊มน้ำจะปิดเครื่องเองอัตโนมัติแล้วทำการดันน้ำออกสู่ภายนอก

ฝนตก น้ำท่วม ส้วมเต็ม แก้ไขยังไงดี

โดยวิธีนี้จะไม่มีปัญหาเรื่องของระดับน้ำภายนอกมาเกี่ยวข้องเพราะใช้แรงดันน้ำจากปั๊ม ทำให้สามารถดันน้ำขึ้นสู่ที่สูงได้โดยไม่มีปัญหา และเมื่อปั้มดันน้ำออกไปจนน้ำลดมาถึงระดับที่เซ็นเซอร์ตั้งค่าเอาไว้ปั๊มน้ำก็จะหยุดทำงานอัตโนมัติ ทำให้ประหยัดไฟในช่วงเวลาปกติ แน่นอนว่าช่วงหน้าฝนอาจจะมีปัญหาค่าไฟเพิ่มขึ้นมาบ้างเล็กน้อย แต่ก็น้อยมากเมื่อเทียบกับการต้องจ้างเทศบาลมาดูดส้วมตลอดเวลา

วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายและได้ผลดีที่สุดในการแก้ปัญหาส้วมเต็มในช่วงหน้าฝน ซึ่งปกติแล้ววิธีนี้จะใช้กันตามโรงงานหรืออาคารสำนักงานใหญ่ ๆ ที่จะต้องมีห้องน้ำจำนวนมาก ทำให้อาคารเหล่านั้นไม่มีปัญหาเรื่องส้วมเต็มในช่วงหน้าฝนเลย สำหรับท่านไหนที่ต้องการจะใช้วิธีแก้ปัญหาแบบนี้สามารถติดต่อช่างให้มาติดตั้งปั๊มน้ำได้เลย

ทั้งหมดนี้คือสาเหตุและวิธีแก้ปัญหา ของปัญหาฝนตกส้วมเต็มในช่วงหน้าฝน ซึ่งวิธีแรกนับว่าเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าแต่วิธีที่ 2 เป็นการแก้ปัญหาที่ได้ผลได้ในระยะยาว เพราะฉะนั้นหากท่านไม่ต้องการจะเสียเงินในระยะยาวไม่ว่าจะเป็นการดูดส้วมการลอกท่อท่านสามารถใช้วิธีที่ 2 เพื่อประหยัดเงินในระยะยาวได้ สุดท้ายหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกท่านที่ต้องการแก้ปัญหาส้วมเต็มในช่วงหน้าฝน

เสาเข็มไมโครไพล์ มีประโยชน์อย่างไร

เสาเข็มไมโครไพล์ มีประโยชน์อย่างไร

ในการสร้างบ้านแต่ละครั้งเมื่อใช้งานไปสักระยะหนึ่งก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าจะต้องมีการขยับขยายปรับปรุงโครงสร้างบ้าน หรือหลาย ๆ ครั้งอาจมีการต่อเติมส่วนที่จำเป็นต้องใช้งานเพิ่มขึ้น และเมื่อพูดถึงโครงสร้างแล้วส่วนที่จะมาเป็นพระเอกในงานโครงสร้างก็คือตัวเสาเข็ม ซึ่งวันนี้ผมจะมาพูดถึงเสาเข็มไมโครไพล์ พระเอกในงานฐานรากขนาดเล็กถึงกลาง

เสาเข็มไมโครไพล์ มีประโยชน์อย่างไร

งานฐานรากคืออะไรและสำคัญอย่างไร

ในการสร้างบ้านหรือสร้างตัวอาคารขึ้นมาใหม่สิ่งที่สำคัญเป็นอันดับแรกในงานวิศวกรรมคือ งานฐานราก เนื่องจากฐานรากเป็นส่วนสำคัญที่รับน้ำหนักของโครงสร้างทั้งหมดเอาไว้ ดังนั้นความแข็งแรงของฐานรากจึงเป็นตัวกําหนดความปลอดภัยหรืออันตรายที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจากโครงสร้างได้

งานฐานรากจะแบ่งด้วยกันหลักทั้งหมด 2 ประเภท

ประเภทที่ 1 เรียกว่างานฐานแผ่
เป็นงานฐานรากที่ไม่จำเป็นจะต้องมีเสาเข็ม ลักษณะงานจะเป็นการต่อคานลงไปเล็กน้อยใต้ดิน โดยมีเสาค้ำคานอยู่เป็นจุด ๆ ทั่วบริเวณแผ่นฐานราก

งานฐานรากประเภทนี้จะเป็นงานที่ไม่มีเสาเข็มเพราะน้ำหนักทั้งหมดจะถ่ายลงไปจากตัวอาคารสูงอาคารไปสู่พื้นดินได้เลย ซึ่งงานประเภทนี้ก็เหมาะกับเนื้อที่ที่มีดินค่อนข้างแน่น แข็ง รับน้ำหนักได้ดี จะไม่เหมาะกับพื้นดินที่เป็นที่ราบลุ่มหรือพื้นที่ลุ่มน้ำอย่างเช่นภาคกลาง

เสาเข็มไมโครไพล์ มีประโยชน์อย่างไร

ประเภทที่ 2 เรียกว่างานเสาเข็ม
เป็นลักษณะงานที่ตรงข้ามกับงานฐานแผ่ เพราะงานฐานแผ่จะเป็นการกระจายน้ำหนักไปทั่วบริเวณ แต่งานเสาเข็มจะมีตัวรับน้ำหนักเป็นเสาเข็มเพียงแค่ต้นเดียว โดยการตอกเสาเข็มลงไปลึกถึงจุดหนึ่ง ที่ผ่านการคำนวณมาแล้วว่าสามารถรับน้ำหนักของตัวบ้าน โดยส่วนมากจะเจาะทะลุชั้นดินอ่อนหรือดินนุ่มที่อยู่ด้านบน ไปลึกจนถึงชั้นดินแข็งเพื่อให้รับน้ำหนักของตัวบ้าน

โดยวันนี้เราจะมาพูดถึงพระเอกของเสาเข็มแบบเข็มตอก นั่นก็คือเสาเข็มไมโครไพล์

เสาเข็มไมโครไพล์คืออะไร

โดยทั่วไปงานเสาเข็มจะแบ่งด้วยกันหลัก ๆ 2 แบบคือ เข็มตอกและเข็มเจาะ เสาเข็มไมโครไพล์ก็เป็นเข็มตอกชนิดหนึ่ง โดยปกติแล้วเข็มตอกโดยทั่วไปจะมีข้อเสียตรงที่ เนื้องานจะต้องใช้พื้นที่ค่อนข้างเยอะเนื่องจากต้องใช้เครนขนาดใหญ่ นอกจากนี้ก็มีปัญหาเรื่องความสั่นสะเทือนและเรื่องเสียงของการตอกที่ค่อนข้างดัง ซึ่งเสาเข็มไมโครไพล์ก็ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาในจุดนี้

เสาเข็มไมโครไพล์จะถูกผลิตออกมาให้มีความยาวประมาณ 1.5 เมตร มีแผ่นเหล็กแปะปิดหัวท้าย ในการทำงานจะทำการตอกเสาเข็มทีละ 1 เมตรกว่า ๆ เมื่อลงไปจนถึงระยะหนึ่งก็จะทำการเชื่อมแผ่นเหล็กยึดติดหัวเสาเข็มกับเสาต้นต่อไป แล้วก็ทำการตอกลงไปอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งงานแบบนี้จะช่วยลดขนาดของการทำงานให้เล็กลง ลดเสียงและลดแรงสั่นสะเทือนจากการใช้เสาเข็มขนาดใหญ่และเครื่องจักรขนาดใหญ่ ซึ่งงานแบบนี้ก็สามารถตอกเสาเข็มไมโครไพล์ลงไปได้ลึกมากเท่าที่ต้องการไม่ว่าจะเป็น 16 เมตร 18 เมตร หรือ 22 เมตร ก็สามารถทำได้ทั้งสิ้น

เสาเข็มไมโครไพล์ มีประโยชน์อย่างไร

ข้อดีของการใช้เสาเข็มไมโครไพล์

1.ราคา
โดยปกติแล้วเมื่อเทียบกันแบบต้นต่อต้น เสาเข็มแบบตอกแม้จะเป็นขนาดใหญ่ก็จะมีราคาที่ค่อนข้างถูกกว่าเสาเข็มแบบเจาะ แต่เสาเข็มไมโครไพล์สามารถลดปริมาณของต้นทุนลงไปได้มากกว่าเดิม เนื่องจากขนาดงานค่อนข้างเล็ก นั่นเพราะเสาเข็มไมโครไพล์มีความสูงอย่างมากก็ 1.5 เมตร ตัวปั้นจั่นที่ใช้จึงไม่จำเป็นต้องเป็นเครื่องใหญ่ใช้ปั้นจั่นแค่ 3 เมตร ก็เพียงพอ ทำให้ลดขนาดงาน ลดจำนวนคนที่ต้องใช้และลดต้นทุนได้อย่างมาก

2. ใช้งานง่ายเหมาะแก่การต่อเติมบ้าน
อย่างที่เกริ่นไปข้างต้นว่าหลายครั้งเมื่อใช้งานบ้านไปสักระยะนึงก็มีโอกาสที่จะเพิ่มส่วนต่อเติมออกมานอกตัวบ้าน หลายครั้งด้วยการเพิ่มส่วนต่อเติมการใช้เสาเข็มไมโครไพล์ก็ช่วยให้ความแข็งแรงของส่วนต่อเติมเพิ่มขึ้น แล้วลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตจากอุบัติเหตุและความไม่แข็งแรงของส่วนขยาย ซึ่งโดยทั่วไปแล้วก็จะใช้เสาเข็มไมโครไพล์แบบตัวไอ (ตัว I) ที่ราคาไม่สูงมาก

3. การขนส่งง่าย
เนื่องจากเสาเข็มไมโครไพล์เป็นงานที่มีขนาดเล็กทำให้การขนส่งค่อนข้างง่าย หลายครั้งขนส่งแค่ 1 รอบ 1 คันรถ ก็สามารถขนส่งทั้งหมดไปที่หน้างานได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้รถคันใหญ่เหมือนกับเสาเข็มตอกแบบขนาดใหญ่ 18,20,22 เมตร นี่เองก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ราคาของการขนส่งถูกกว่า

ในการเลือกใช้เสาเข็มไมโครไพล์สิ่งที่จำเป็นและสำคัญที่สุดในการเลือกคือเรื่องของคุณภาพและรูปแบบของการใช้งาน
ซึ่งเสาเข็มไมโครไพล์มีด้วยกันทั้งหมด 3 แบบ

เสาเข็มไมโครไพล์ มีประโยชน์อย่างไร

แบบแรกเรียกว่าเสาเข็มสปัน มีลักษณะเป็นทรงกระบอกมีรูกลมตรงกลาง เป็นเสาเข็มที่ถูกผลิตมาให้มีความแข็งแรงมากที่สุด และทนทานมากที่สุดในบรรดารูปแบบของเสาเข็มไมโครไพล์ทั้งหมด

แบบที่ 2 เรียกว่าเสาเข็มแบบตัวไอ เป็นเสาเข็มที่ถูกออกแบบมาให้มีลักษณะคล้ายกับตัวไอ โหลดงานค่อนข้างน้อย ทำให้เหมาะกับงานทั่วไปที่ไม่ใหญ่มากอย่างเช่นงานต่อเติมบ้านเป็นต้น

แบบที่ 3 เรียกว่าเสาเข็มหน้าตัดเหลี่ยม ลักษณะโดยทั่วไปก็คล้ายกับเสาเข็มตัวไอ เพียงแต่ไม่มีส่วนเว้าเหมือนตัวไอ จะเป็นเสาแท่งตรงหน้าตัด 4 เหลี่ยม ทำให้มีความแข็งแรงและรับน้ำหนักได้มากกว่าแบบตัวไอ

ทั้งหมดนี้ก็คือข้อมูลเบื้องต้นในการเลือกใช้เสาเข็มไมโครไพล์ โดยท่านสามารถเลือกใช้เสาเข็มเหล่านี้ให้เหมาะกับขนาดงานที่ต้องการจะใช้ได้ และที่สำคัญที่สุดในการเลือกใช้แต่ละครั้งจะดูเรื่องมาตรฐานการผลิตหรือ มอก. ซึ่งเป็นมาตรฐานที่สำคัญในการเลือกใช้วัสดุก่อสร้างทุกชนิด สุดท้ายหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ และมีส่วนช่วยในการเลือกใช้เสาเข็มไมโครไพล์

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า