ท่อPVC จะเลือกยังไงให้เหมาะกับการใช้งานและใช้ได้ในระยะยาว

PVC จะเลือกยังไงให้เหมาะกับการใช้งานและใช้ได้ในระยะยาว

ในการสร้างบ้านสักหลังให้เสร็จสมบูรณ์ องค์ประกอบสำคัญที่จำเป็นต้องมีในตัวบ้านนอกจากเสาคานหลังคาฝ้าการแบ่งห้องต่างๆ แล้ว ระบบชลประทานภายในหรือระบบทางเดินน้ำภายในบ้านก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่สำคัญไม่แพ้ส่วนอื่นของบ้าน เพราะหากวางระบบเดินน้ำไม่ดีแล้วอาจจะทำให้บ้านเกิดความเสียหายในอนาคตอาจจะเกิดกลิ่นเหม็นหรือความสกปรกขึ้นจากท่อน้ำทิ้งต่างๆ ก็เป็นได้

PVC จะเลือกยังไงให้เหมาะกับการใช้งานและใช้ได้ในระยะยาว

แม้กระทั่งการเลือกใช้ท่อ PVC เพราะแม้ท่อ PVC จะมีความทนทานมากแค่ไหน แต่หากเลือกท่อ PVC ผิดประเภทการใช้งาน ภายในเวลาไม่กี่ปีคุณก็ต้องมานั่งเปลี่ยนท่อใหม่เดินน้ำใหม่และเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอยู่ดี ดังนั้นการรู้วิธีติดตั้งที่ถูกต้องและเลือกใช้งานให้ถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคนที่ต้องการสร้างบ้านใหม่เป็นอย่างยิ่ง

วิธีการเลือกใช้ท่อ PVC

ท่อ PVC เป็นท่อที่ถูกออกแบบมาให้มีคุณภาพสูง น้ำหนักเบา ง่ายต่อการขนส่งและติดตั้ง ที่สำคัญคือมีวางขายอยู่ทั่วไปสามารถหาซื้อได้ง่าย เลือกซื้อท่อ PVC สำหรับงานช่างแต่ละชนิดภายในบ้าน มีปัจจัยในการเลือกดังนี้

– ปริมาณน้ำ
– แรงดันน้ำ
– ระยะทางการวางท่อน้ำ (ท่อน้ำยิ่งยาวน้ำยิ่งไหลช้า)
– ขนาดและความเร็วของน้ำที่ไหลอยู่ในท่อ (ยิ่งท่อน้ำใหญ่น้ำยิ่งไหลเร็ว)

PVC จะเลือกยังไงให้เหมาะกับการใช้งานและใช้ได้ในระยะยาว

นอกจากปัจจัยทั้ง 4 ข้อที่กล่าวมาแล้ว ประเภทการใช้งานยังมีส่วนสำคัญในการเลือกท่อแต่ละชนิด ให้เหมาะกับการใช้งานแต่ละแบบภายในบ้านด้วยเช่นกัน ด้วยการใช้งานของท่อ PVC จะแบ่งหลักๆ 4 รูปแบบการใช้งานดังนี้

1. ระบบท่อน้ำดี
ท่อที่มีไว้ต่อเข้ากับสุขภัณฑ์ต่างๆ ซึ่งน้ำที่ไหลผ่านท่อเหล่านี้เป็นน้ำที่คุณต้องใช้ในชีวิตประจำวันทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นน้ำดื่ม น้ำใช้ ยกตัวอย่างเช่น น้ำในห้องครัว อ่างล้างหน้า อ่างอาบน้ำ โถส้วม เป็นต้น ซึ่งระบบท่อน้ำดี จะใช้ท่อ 3/4 นิ้ว หรือท่อ 6 หุน แล้วใช้ต่อเข้ากับท่อ 1 ส่วน 2 นิ้วหรือท่อ 4 หุน ซึ่งเป็นสุขภัณฑ์ต่างๆ หากใช้ท่อฝังดินหรือต่อเข้ากับกำแพงให้เลือกใช้ท่อแรงดัน 1.35

2. ระบบท่อน้ำทิ้ง
ระบบท่อน้ำทิ้งคือท่อที่มีไว้ลำเลียงน้ำเสียหรือน้ำที่ไม่ใช้แล้ว ยกตัวอย่างเช่นน้ำจากอ่างล้างหน้าอ่างอาบน้ำหรือ น้ำที่ใช้แล้วต่างๆ โดยท่อส่วนมากจะใช้ขนาด 1.5 นิ้วถึง 2 นิ้ว เวลาต่อต้องทำให้ท่อมีความลาดเอียงประมาณ 150 โดยใช้กับข้อต่อ 45 องศาจึงเป็นท่อฝังดินหรือต่อเข้ากับกำแพง ใช้แรงดันน้ำ 1.3 เช่นกัน แต่ถ้าท่อน้ำทิ้งแอร์ให้ใช้แค่ 3 ส่วน 4 นิ้วถึง 1 นิ้วก็พอ

PVC จะเลือกยังไงให้เหมาะกับการใช้งานและใช้ได้ในระยะยาว

3. ระบบท่อโสโครก
ท่อโสโครกเป็นท่อน้ำขนาดใหญ่ที่มีขนาด 4 นิ้ว ใช้ระบายสิ่งโสโครกต่างๆเช่น โถส้วมโถปัสสาวะเป็นต้น น้ำจากท่อโสโครกจำเป็นต้องนำไปบำบัดน้ำเสีย การตั้งท่อโสโครกต้องทำให้มีความลาดเอียงในอัตราส่วนทุก 1 เมตรลาดเอียงลง 2 เซนติเมตร และเนื่องจากท่อโสโครกจะมีสิ่งปฏิกูลอยู่เราจึงจำเป็นต้องใช้ท่อขนาดใหญ่และมีความเสี่ยงในระดับที่พอเหมาะที่ท่อจะไม่ตัน เพราะหากท่อเอียงมากเกินไปก็จะทำให้น้ำไหลเร็วเกินโดยทิ้งสิ่งปฏิกูลเอาไว้สุดท้ายจะทำให้ท่อตัน แล้วทำให้เราต้องใช้น้ำในการราดมากยิ่งขึ้น

4. ระบบท่อระบายอากาศ
ท่อระบายอากาศคือท่อขนาด 2 นิ้วใช้ต่อกับท่อระบายน้ำ โดยจะต่อท่อระบายอากาศให้ขึ้นไปถึงระดับหลังคาเพื่อทำให้เกิดความสมดุลของอากาศที่ไหลผ่านท่อ ไม่ว่าจะเป็นท่อระบายน้ำหรือท่อโสโครกก็ตาม

สิ่งที่ควรระวัง ถ้าหากวางระบบท่อระบายอากาศไม่ดีจะทำให้กลิ่นของเสียของอากาศต่างๆไหลเข้าไปสู่ที่พักอาศัย ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นขึ้นในที่พักหรือบ้านของคุณ หากติดตั้งระบบท่อระบายอากาศถูกต้องเวลาราดน้ำหรือกดน้ำ น้ำก็จะไล่อากาศและสิ่งปฏิกูลออกไปจากระบบท่อน้ำได้ทั้งหมด

PVC จะเลือกยังไงให้เหมาะกับการใช้งานและใช้ได้ในระยะยาว

จะเห็นว่าความรู้ในการติดตั้งระบบท่อน้ำภายในบ้านเป็นอีกหนึ่งระบบที่คุณจำเป็นจะต้องให้ความสำคัญและละเอียดอ่อนในการเลือกใช้วัสดุต่างๆ ถ้าหากติดตั้งท่อผิดเพียงนิดเดียวก็อาจทำให้การพักอาศัยของคุณเกิดความลำบากและไม่สะดวกสบายได้ในระยะยาว สุดท้ายหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณในการเลือกใช้วัสดุท่อ PVC ต่างๆในระบบท่อน้ำภายในบ้านนะครับ

คลิกติดต่อสั่งซื้อสินค้า

สินค้าแนะนำ

10ข้อดีในการเลือก ประตู uPVC

10ข้อดีประตูuPVC

    ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ประตู uPVC ได้รับความนิยมมากขึ้นในหมู่เจ้าของบ้านที่มองหาประตูภายในบ้านสไตล์ใหม่ราคาถูก และบำรุงรักษาง่าย ด้วยคุณประโยชน์ของประตู uPVC จึงไม่น่าแปลกใจที่ผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะกลายเป็นทางเลือกสำหรับการใช้ชีวิตสมัยใหม่อย่างต่อเนื่อง ในบทความนี้ เราจะมาเจาะลึกถึงข้อดีของประตู uPVC กันนะคะ

 

3น_ประตูPolywood

 

ประตู uPVC คือ อะไร ?

     uPVC หมายถึง unplasticized polyvinyl chloride ซึ่งเป็นวัสดุพลาสติกที่ไม่ได้ผสมกับสารเคมีอื่น ๆ วัสดุที่มีความยืดหยุ่น และทนต่อแสงแดดและอุณหภูมิสูง วัสดุ uPVC มักจะถูกนำมาใช้สร้างประตู หน้าต่าง และสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ เนื่องจากมีคุณสมบัติที่แข็งแรงทนทาน และกันน้ำได้ดี นอกจากนี้ uPVC ยังเป็นวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เนื่องจากไม่มีสารพิษที่ถูกปล่อยออกมาในกระบวนการผลิตหรือใช้งานแล้ว นับว่าเป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมในการใช้งานในอุตสาหกรรมสร้างและก่อสร้างในปัจจุบัน

 

 

10 ข้อดีติดอันดับของ ประตู uPVC มีดังนี้

  1. ประตู uPVC ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย เนื่องจากประตู uPVC เป็นวัสดุที่มีคุณสมบัติทนทานต่อสภาพอากาศและไม่ต้องการการบำรุงรักษาสูง จึงสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาและซ่อมแซมได้
  2. ประตู uPVC ช่วยประหยัดพื้นที่  มีความเบาและสามารถติดตั้งได้ในพื้นที่จำกัด ทำให้สามารถปรับใช้พื้นที่ในบ้านได้เต็มที่
  3. ประตู uPVC มีความปลอดภัย  มีระบบล็อกที่มีคุณภาพและปลอดภัย เพราะว่ามีระบบล็อกแบบหลายจุด ทำให้เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการป้องกันการบุกรุก
  4. ประตู uPVC มีหลายรูปแบบ ประตู uPVC มีลักษณะการออกแบบที่หลากหลาย สามารถเลือกได้ตามความต้องการและสไตล์การตกแต่งบ้าน เช่น สไตล์บ้านญี่ปุ่น สไตล์มินิมอล สไตล์โมเดริน เป็นต้น
  5. ประตู uPVC มีคุณสมบัติทำให้บ้านเย็น ประตู uPVC เป็นวัสดุที่มีคุณสมบัติในการรักษาความเย็น ไม่ปล่อยความร้อนออกนอกบ้าน จึงช่วยลดการใช้พลังงานในการเปิดเครื่องปรับอากาศ
  6. ประตู uPVC เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ประตู uPVC เป็นวัสดุที่มิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่มีการปล่อยสารพิษ สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้โดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ทำให้เป็นอีกทางเลือกที่จะช่วยลดการใช้งานวัสดุที่มีผลต่อสิ่งแวดล้อม
  7. ประตู uPVC สามารถกันเสียงได้  มีคุณสมบัติที่ช่วยลดเสียงดังจากภายนอกเข้ามาในบ้าน สร้างความเป็นส่วนตัวได้
  8. ประตู uPVC มีอายุการใช้งานนาน ด้วยวัสดุที่มีความทนทานต่อสภาพอากาศ สามารถใช้งานได้นานถึง 10 ปีโดยไม่ต้องเปลี่ยนใหม่ ทำให้เป็นทางเลือกที่คุ้มค่าในเรื่องของความคุ้มค่า
  9. ประตู uPVC ง่ายต่อการดูแลรักษา ไม่ต้องใช้เวลาและค่าใช้จ่ายสูงในการซ่อมแซมหรือบำรุงรักษา
  10. ประตู uPVC ราคาเหมาะสม ไม่แพง เหมาะสำหรับคนที่ต้องการคุณภาพและความทนทานแต่ไม่ต้องการจ่ายราคาสูงในการซื้อประตู

ทำไมต้องเลือกประตูupvc

4 วิธีดูแลรักษาประตู uPVC ให้ถูกวิธี

 

  • การทำความสะอาด: ทำความสะอาดประตู uPVC เป็นประจำด้วยผ้านุ่มและน้ำยาทำความสะอาดอ่อนๆ เพื่อขจัดคราบสกปรก หลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาทำความสะอาดที่มีฤทธิ์กัดกร่อนหรือแผ่นใยขัด เพราะอาจทำให้พื้นผิวของประตูเสียหายได้
  • การบำรุงรักษาฮาร์ดแวร์: ตรวจสอบฮาร์ดแวร์ที่ประตู เช่น บานพับและที่จับ ว่ามีการสึกหรอหรือเสียหายหรือไม่ ใช้น้ำยาหล่อลื่นที่เหมาะสม เช่น สเปรย์ซิลิโคน เพื่อให้ชิ้นส่วนเหล่านี้ทำงานได้อย่างราบรื่น
  • การตรวจสอบรอยซีล: ตรวจสอบรอยซีลรอบประตู uPVC เพื่อหาร่องรอยความเสียหายหรือการสึกหรอ หากจำเป็น ให้เปลี่ยนซีลที่เสียหายเพื่อรักษาประสิทธิภาพการใช้พลังงานของประตูและป้องกันกระแสลม
  • การขยับช่องประตูให้พอดีกับวงกบ เมื่อเวลาผ่านไปนานประตู uPVC อาจต้องมีการขยับเล็กน้อยเพื่อให้มั่นใจว่าบานประตูยังคงพอดีกับวงกบ สามารถปรึกษาผู้ผลิตประตูของคุณเพื่อขอคำแนะนำในการปรับเปลี่ยนเหล่านี้

 

  ทั้งหมดนี้จะเห็นได้ว่า ประตู uPVC เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับทุกคนที่ต้องการปรับโฉมใหม่ให้เป็นบ้านสไตล์ที่ชอบ รวมถึงครบเครื่องด้านประโยชน์ใช้สอย และประสิทธิภาพการประหยัดพลังงาน ฉะนั้นประตู uPVC จึงกลายเป็นตัวเลือกสำหรับการใช้ชีวิตสมัยใหม่ที่ลงตัว ตอบโจทย์บ้านที่อยู่อาศัยของคนสมัยใหม่

แผ่นโพลีคาร์บอเนตใช้มุงหลังคาได้ไหม ข้อดีข้อเสียมีอะไรบ้าง

แผ่นโพลีคาร์บอเนตใช้มุงหลังคาได้ไหม ข้อดีข้อเสียมีอะไรบ้าง

หลายคนน่าจะเคยมีคำถามในเรื่องของการสร้างบ้านว่า แผ่นโพลีคาร์บอเนตคืออะไร ใช้มุงหลังคาได้ไหม ข้อดี ข้อเสีย มีอะไรบ้างและต้องดูแลหรือระมัดระวังเรื่องอะไรบ้างในการใช้งาน บทความนี้มีคำตอบ แผ่นโพลีคาร์บอเนตใช้มุงหลังคาได้ไหม ข้อดีข้อเสียมีอะไรบ้าง

แผ่นโพลีคาร์บอเนตหรือที่หลายคนมักเรียกว่าแผ่นใส มีด้วยกัน 3 ประเภทที่เป็นที่นิยมใช้กัน

แผ่นโพลีคาร์บอเนตใช้มุงหลังคาได้ไหม ข้อดีข้อเสียมีอะไรบ้าง

1. แผ่นลูกฟูก
ชนิดนี้จะเป็นแผ่นโพลีคาร์บอเนตที่มีลักษณะภายนอกคล้ายกับกระดาษลัง กล่าวคือภายในจะเป็นแผ่นลูกฟูกอยู่ ซึ่งมีขนาดตั้งแต่ 4 – 10 มิลลิเมตร มีลักษณะเป็นแผ่นเรียบขนาดประมาณ 1.2 × 2.4 เมตร

แผ่นโพลีคาร์บอเนตใช้มุงหลังคาได้ไหม ข้อดีข้อเสียมีอะไรบ้าง

2. แผ่นตัน
จะเป็นลักษณะคล้ายกับกระจกคือ เป็นแผ่นเรียบ อาจจะมีหน้าหนึ่งของแผ่นที่กัดผิวส้มมาเป็นลักษณะขุ่น ๆ ซึ่งมีความหนาตั้งแต่ 2 – 6 มิลลิเมตร ขนาดประมาณ 1.2 x 2.4 เมตร เช่นกัน

แผ่นโพลีคาร์บอเนตใช้มุงหลังคาได้ไหม ข้อดีข้อเสียมีอะไรบ้าง

3. แผ่นรูปลอนหลังคา
เป็นแผ่นโพลีคาร์บอเนตที่ขึ้นรูปมาให้เป็นลอนเช่นเดียวกับหลังคาหรือเป็นลอนเหมือนกับแผ่นเมทัลชีท ซึ่งจุดประสงค์ในการใช้งานคือ คือนำมาติดตั้งสลับกับบางจุดบนหลังคา ซึ่งจะเห็นได้ตามโรงงานหรือโกดังที่จะมีหลังคาที่มีบางจุดที่ใสแสงแดดทะลุได้ เมื่อนำมาติดกับหลังคาบ้านก็จะทำให้เกิดความสวยงามมากขึ้นด้วย

ทั้ง 3 ประเภทคือ ชนิดของแผ่นโพลีคาร์บอเนต จากนี้เป็นคำแนะนำในการเลือกใช้งานแผ่นโพลีคาร์บอเนต
สิ่งแรกที่คุณต้องรู้และควรระวังคือ ไม่ควรนำแผ่นโพลีคาร์บอเนตชนิดลูกฟูกหรือแผ่นเรียบมาใช้ติดตั้งเป็นหลังคา เพราะจะทำให้เกิดการรั่วหรือเสียหายได้ง่าย ควรใช้แผ่นรูปลอนหลังคาในการติดตั้งมากกว่า ซึ่งตามห้างทั่วไปเองก็จะมีแผ่นโพลีคาร์บอเนตที่เป็นลอนคู่กับแบบหลังคาของตัวเองขายอยู่แล้ว จึงสามารถซื้อมาแล้วติดสลับกับหลังคาหรือกระเบื้องนั้น ๆ ได้ในจุดที่ต้องการ แต่โดยส่วนมากแล้วก็มักไม่เป็นที่นิยมเพราะบ้านมักจะมีฝ้าและ ฝ้าเองก็จะกั้นตัวแสงแดดที่ทะลุแผ่นโพลีคาร์บอเนตเข้ามาอยู่ดี

แผ่นโพลีคาร์บอเนตใช้มุงหลังคาได้ไหม ข้อดีข้อเสียมีอะไรบ้าง

แผ่นโพลีคาร์บอเนตจะนิยมติดที่ส่วนอื่นของบ้านมากกว่าไม่ว่าจะเป็น กันสาด โรงรถ ห้องครัว หรือส่วนต่อเติมเงินอื่น ๆ ที่อยู่นอกตัวบ้าน ซึ่งจุดประสงค์หลัก ๆ คือเพื่อความสวยงาม
หรืออาจเพราะต้องการให้บริเวณนั้นมีแสงแดดส่องเข้ามาบ้างจะได้ไม่มืดจนเกินไป แต่นอกจากนี้การใช้แผ่นโพลีคาร์บอเนตก็มีจุดสังเกตที่ควรจะคำนึงถึงอยู่บ้างเช่นกัน

จุดสังเกตที่ต้องคำนึงถึงในการใช้แผ่นโพลีคาร์บอเนต

1. ความแข็งแรงค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับผนังหรือหลังคาเมทัลชีท
ลักษณะโดยทั่วไปของแผ่นโพลีคาร์บอเนตจะมีลักษณะใสและเปราะ ทำให้มีความแข็งแรงทนทานที่ค่อนข้างต่ำ ไปกระแทกหรือไปโดนแรง ๆ ก็มีโอกาสทำให้เกิดความเสียหายขึ้นได้

2. มีโอกาสรั่วซึมสูง
เนื่องจากแผ่นโพลีคาร์บอเนตมีลักษณะเป็นรอยต่อ ซึ่งบริเวณรอยต่อนั้นเองจะมีโอกาสเกิดการรั่วซึมของน้ำได้ง่าย ๆ

3. มีโอกาสเกิดคราบได้ง่าย
เนื่องจากแผ่นโพลีคาร์บอเนตเป็นแผ่นที่มองทะลุได้ และมักจะติดเป็นหลังคา ทำให้เวลาเกิดคราบสกปรกแล้วจะเห็นได้ง่ายและไม่สวยงาม โดยเฉพาะเวลาที่ฝนตกเบา ๆ หรือตกปรอย ๆ คราบที่มีอยู่ก็จะยิ่งเลอะมากขึ้น ซึ่งโดยทั่วไปเราก็ไม่ได้ขึ้นไปทำความสะอาดบนหลังคาบ่อยอยู่แล้ว เรื่องนี้จึงเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ควรให้ความสำคัญ

จุดสำคัญในการเลือกใช้งานแผ่นโพลีคาร์บอเนต ที่คุณจำเป็นจะต้องรู้และปฏิบัติตามคือ ควรใช้งานตามคำแนะนำของผู้ผลิตหรือทางบริษัทอย่างเคร่งครัดเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในระยะยาว และที่สำคัญที่สุดคือต้องให้ช่างที่มีความชำนาญงานในด้านนี้โดยเฉพาะในการติดตั้งเท่านั้น เนื่องจากแผ่นโพลีคาร์บอเนตเป็นการติดตั้งงานที่ต้องใช้ความสามารถเฉพาะทาง หากใช้ช่างที่ไม่ได้เชี่ยวชาญรับรองว่าคุณจะเกิดปัญหาขึ้นในอนาคตแน่นอน

ทั้งหมดนี้คือข้อดี ข้อเสีย จุดสังเกตต่าง ๆ ในการใช้งานแผ่นโพลีคาร์บอเนต ซึ่งแน่นอนว่าแผ่นโพลีคาร์บอเนตเป็นอีกหนึ่งวัสดุที่ให้ความสวยงามให้กับบ้านของคุณ ดังนั้นคุณควรจำเป็นจะต้องศึกษาข้อมูลอย่างถี่ถ้วนก่อนเลือกใช้งานแผ่นโพลีคาร์บอเนตและหวังว่าบทความนี้เองก็จะเป็นส่วนหนึ่งในข้อมูลที่ช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

คลิกติดต่อสั่งซื้อสินค้า

สินค้าแนะนำ

ปัญหาห้องน้ำที่ไม่ควรมองผ่าน

รีโนเวทปรับปรุงห้องน้ำ
ปรับปรุงห้องน้ำ2568

ปี 2568 ทุกคนมีเป้าหมายที่จะพัฒนาตัวเองเพื่อคุณภาพชีวิตของตัวเองให้ดีมากขึ้น จึงเป็นเวลาที่ดีในการปรับปรุงและจัดระเบียบบ้านให้ดูใหม่พร้อมใช้งานตลอดทั้งปี

โดยเฉพาะใน ห้องน้ำ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ใช้บ่อยและมีความชื้นสูง จึงเป็นจุดที่มักจะเกิดการชำรุดได้ง่าย หากไม่ดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอ การเริ่มต้นปีใหม่ด้วยการตรวจสอบและซ่อมแซมห้องน้ำในบ้านจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ที่จะทำให้บ้านดูสะอาดสะอ้าน และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

จากหนังสือ เคล็ดลับชีวิตดีขึ้นทุก ๆ ด้านด้วยการจัดบ้านแค่ครั้งเดียว

เพราะ การจัดบ้านให้เป็นระเบียบไม่เพียงช่วยให้บ้านสะอาดและเป็นระเบียบ แต่ยังส่งผลดีต่อสุขภาพจิตใจและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในทุกๆ ด้านของชีวิต ตามหลักการ KonMari Method ของ คนโดะ มาริเอะ ที่เน้นการจัดบ้านให้เป็นระเบียบครั้งเดียวในชีวิต โดยใช้แนวคิด “เก็บเฉพาะสิ่งที่ทำให้มีความสุข” ซึ่งช่วยให้เราเลือกสิ่งที่มีคุณค่าและทิ้งสิ่งที่ไม่จำเป็น การจัดระเบียบในบ้านทำให้พื้นที่อยู่อาศัยสะอาดและเต็มไปด้วยพลังบวก นอกจากนี้ การดูแลรักษาห้องน้ำในบ้านที่เป็นส่วนสำคัญในทุกบ้านก็ไม่ควรละเลย เพราะห้องน้ำมักเป็นพื้นที่ที่มีความชื้นสูงและอุปกรณ์เสี่ยงต่อการชำรุดได้ง่าย

การจัดห้องน้ำสวย

เคล็ดลับการจัดบ้านและการดูแลห้องน้ำให้สะอาดและยั่งยืน

  1. เริ่มต้นด้วยการจัดตามหมวดหมู่
    มารี คอนโดแนะนำให้เริ่มการจัดระเบียบบ้านจากการจัดสิ่งของตามหมวดหมู่ เช่น เสื้อผ้า หนังสือ ของใช้ต่างๆ ซึ่งการจัดตามหมวดหมู่จะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมของสิ่งที่มีทั้งหมดและสามารถตัดสินใจได้ว่าอะไรที่ต้องเก็บไว้และอะไรที่ควรทิ้งเช่นเดียวกับในห้องน้ำ คุณอาจเริ่มต้นการจัดระเบียบจากอุปกรณ์ที่ใช้ในห้องน้ำ เช่น สบู่ แชมพู ผ้าเช็ดตัว เพื่อให้รู้ว่ามีสิ่งไหนที่ไม่จำเป็นต้องเก็บไว้อีกต่อไป
  2. จัดการกับสิ่งที่ทำให้คุณไม่รู้สึกดี
    หลักการสำคัญของ KonMari คือการเก็บสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขและทิ้งสิ่งที่ไม่จำเป็น เช่นเดียวกับการดูแลห้องน้ำ ควรซ่อมแซมจุดที่ชำรุดและไม่ทำให้รู้สึกดี เช่น ก๊อกน้ำที่รั่ว ฝักบัวที่ใช้งานไม่ได้ หรือกระจกที่หมองคล้ำ การซ่อมแซมจะทำให้ห้องน้ำกลับมามีความสะอาดและใช้งานได้ดีขึ้น
  3. การเก็บของในห้องน้ำให้เป็นระเบียบ
    การจัดระเบียบในห้องน้ำให้มีระบบ เช่น การใช้ตะกร้าเก็บของหรือการพับผ้าเช็ดตัวให้เรียบร้อยเหมือนกับการจัดเสื้อผ้าในบ้าน จะทำให้ห้องน้ำดูสะอาดและเป็นระเบียบ การเก็บของที่ไม่จำเป็นออกจากห้องน้ำช่วยลดการสะสมของสิ่งสกปรกและการเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์
  4. ดูแลรักษาห้องน้ำที่เสี่ยงชำรุดบ่อย
    หห้องน้ำในบ้านคนไทยมีบางจุดที่มักจะชำรุดและต้องซ่อมแซมบ่อย เช่น ก๊อกน้ำ ฝักบัว หรือท่อน้ำระบายน้ำ โดยการบำรุงรักษาสิ่งเหล่านี้จะช่วยยืดอายุการใช้งานและป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต 3 จุดที่ควรตรวจสอบและซ่อมแซม ได้แก่:

    1. พื้นห้องน้ำขังไม่ระบาย – หากพื้นห้องน้ำมีความลาดเอียงไม่พอดีน้ำก็จะขัง ปล่อยทิ้งไว้อาจจะมีตะไคร่น้ำ ลื่นล้มได้ง่ายการแก้ไข ถ้าอาการยังไม่หนักสามารถฉีดน้ำมันหล่อลื่น ถ้าบานประตูเอียงปิดไม่สนิท ก็เปลี่ยนบานพับใหม่ถ้าเป็น บานพับสแตนเลสจะทนทานที่สุดค่ะ แต่ถ้าบานประตูห้องน้ำเก่า อยากเปลี่ยนให้เข้ากับการแต่งห้องใหม่ ก็ต้องเปลี่ยนบานประตูห้องน้ำใหม่นะคะ
    2. ท่อระบายน้ำตัน – ท่อน้ำที่อุดตันอาจจะเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น มีการสะสมของทิชชู่ เส้นผม เศษอาหาร คราบไขมันเข้าไปอุดตัน เป็นต้น

      การแก้ไข
      บางท่านใช้โซดาไฟเพราะกัดกร่อนได้ทุกสิ่งแต่ทางเราจะไม่แนะนำ เพราะโซดาไฟเป็นสารเคมีอันตรายที่อาจจะกัดกร่อนท่อส้วมจนเสียหายได้แถมอาจทำให้เกิดอันตรายต่อผิวหนังและดวงตาได้ แนะนำให้ใช้ น้ำยาแก้ปัญหาท่อตัน เพราะน้ำยาจะช่วยสลายเฉพาะสารอินทรีย์ ไม่กัดทำลายสารอนินทรีย์ จึงไม่สร้างปัญหากับท่อระบายน้ำ
    3. ประตูห้องน้ำ – ประตูห้องน้ำที่ใช้งานบ่อยอาจเกิดเสียงดัง เอี๊ยดๆ หรือบานประตูห้องน้ำมีการตกหรือเอียง ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนภัยว่า อุปกรณ์บานพับอาจชำรุด หรือบางส่งผลก็คือสร้างความรำคาญในบ้านและบานประตูนั้นก็ปิดไม่สนิทการแก้ไข ถ้าอาการยังไม่หนักสามารถฉีดน้ำมันหล่อลื่น ถ้าบานประตูเอียงปิดไม่สนิท ก็เปลี่ยนบานพับใหม่ถ้าเป็น บานพับสแตนเลสจะทนทานที่สุดค่ะ แต่ถ้าบานประตูห้องน้ำเก่า อยากเปลี่ยนให้เข้ากับการแต่งห้องใหม่ ก็ต้องเปลี่ยนบานประตูห้องน้ำใหม่นะคะประตุห้องน้ำเยสโมลดิ้ง
  5. การตั้งใจจัดระเบียบและบำรุงรักษาในระยะยาว
    การจัดบ้านและการดูแลห้องน้ำที่ดีไม่เพียงแค่ทำในช่วงแรก ๆ แต่ควรทำอย่างสม่ำเสมอ การตั้งใจทำให้ห้องน้ำและบ้านเป็นระเบียบและสะอาดจะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นทั้งทางร่างกายและจิตใจ เช่นเดียวกับการจัดบ้านครั้งเดียวแล้วรักษามันให้อยู่ในสภาพดีเสมอ ห้องน้ำที่ได้รับการดูแลและซ่อมแซมอย่างสม่ำเสมอจะทำให้คุณมีสุขภาพที่ดีและลดความเครียดในการใช้ชีวิตประจำวัน

การจัดบ้านตามหลัก KonMari Method ของมารี คอนโด ไม่เพียงช่วยให้บ้านเป็นระเบียบ แต่ยังช่วยเพิ่มความสุขและความสงบให้กับชีวิต ในขณะเดียวกัน การดูแลห้องน้ำให้สะอาดและตรวจสอบจุดที่เสี่ยงต่อการชำรุดบ่อย ๆ จะทำให้ห้องน้ำเป็นพื้นที่ที่น่าใช้งานและปลอดภัย การเริ่มต้นจากการจัดระเบียบบ้านและห้องน้ำในปี 2568 จะช่วยให้คุณได้บ้านที่พร้อมใช้และสร้างความสุขให้กับทุกวันค่ะ ^^

แผ่นปูพื้นลามิเนตกับกระเบื้องยางลายไม้เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร

พื้นลามิเนตกับกระเบื้องยางลายไม้

วันนี้ผมจะพาทุกคนมารู้จักกับแผ่นปูพื้นหรือวัสดุที่นำมาปูทับพื้นว่ามีอะไรบ้าง ซึ่งวัสดุที่เป็นที่นิยมและเห็นได้บ่อยที่สุดจะมีด้วยกัน 2 ชนิดคือ พื้นไม้ลามิเนตกับกระเบื้องยางลายไม้ ผมจึงอยากเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียความเหมือนและความต่างให้กับทุกท่านได้ทราบ เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจในการเลือกวัสดุปูทับพื้นบ้านของท่าน

พื้นลามิเนตกับกระเบื้องยางลายไม้

ถ้าจะพูดถึงวัสดุปูทับพื้นวัสดุที่หลายคนน่าจะอยากใช้นานที่สุดคงจะหนีไม่พ้นพื้นไม้ แต่เนื่องจากราคาที่ค่อนข้างสูงจึงทำให้เจ้าของบ้านหลายท่านมีงบประมาณไม่เพียงพอในการปูไม้แท้ทับพื้นบ้านทั้งหมด วัสดุทดแทนไม้แท้เหล่านี้จึงมีบทบาทสำคัญในการสร้างบ้าน ส่วนวัสดุหลัก ๆ ที่เราจะเห็นกันทั่วไปก็คือพื้นไม้ลามิเนตและกระเบื้องยางลายไม้ ดังนั้นวันนี้ผมจึงนำข้อมูลเกี่ยวกับความแตกต่าง ข้อดีและข้อเสียของแต่ละชนิดมาบอกกับทุกท่าน

พื้นไม้ลามิเนต
ผลิตขึ้นจากเศษผงไม้ที่นำมาขึ้นรูปรวมกับวัสดุอื่น ๆ จากนั้นก็นำมาทำผิวหน้าเป็นลายไม้เพื่อปูทับพื้นให้มีลักษณะเหมือนกับพื้นไม้

พื้นลามิเนตกับกระเบื้องยางลายไม้

ข้อดี ของกลุ่มพื้นไม้ลามิเนตคือ ให้ความรู้สึกเป็นไม้เวลาสัมผัสกับพื้นได้ดีกว่ากลุ่มที่เป็นกระเบื้องยาง อีกหนึ่งข้อดีของพื้นไม้ลามิเนตคือราคาที่ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับกระเบื้องยางลายไม้ แต่ก็จะมีจุดอ่อนที่ความคงทนแข็งแรง เนื่องจากทำมาจากไม้จึงทำให้มีโอกาสกรอบง่าย และเนื่องจากมีส่วนผสมของไม้จึงมีโอกาสที่จะเกิดปัญหาปลวกหรือน้ำซึมเข้าไปในพื้นผิวหรือเข้าไปใต้แผ่นไม้ลามิเนต ตรงนี้เจ้าของบ้านจะเป็นจะต้องดูแลในเรื่องของการบำรุงรักษาให้ดี

 

กระเบื้องยางลายไม้

เป็นวัสดุปูพื้นกลุ่มที่ไม่ใช่ไม้ แต่นำมาขึ้นรูปเป็นแผ่นกระเบื้องยางที่มีการทำลวดลายด้านหน้าให้เหมือนไม้ ซึ่งจะมีทั้งแบบมีกาวและไม่มีกาวสามารถนำมาปูทับพื้นให้เหมือนกับกระเบื้องลายไม้ได้เลย

พื้นลามิเนตกับกระเบื้องยางลายไม้

ข้อดีข้อของกระเบื้องยางลายไม้ คือเป็นวัสดุที่มีความทนทานยืดหยุ่นรับแรงกระแทกได้มากกว่าไม้ ไม่มีปัญหาเรื่องปลวกหรือแมลง แต่จุดอ่อนสำคัญของกระเบื้องยางลายไม้คือ จะให้ความรู้สึกที่เป็นไม้จากเนื้อสัมผัสต่ำกว่าพื้นไม้ลามิเนตและราคาก็จะค่อนข้างสูงกว่าพื้นไม้ลามิเนตเล็กน้อย

อย่างไรก็ตามของวัสดุปูพื้นทั้งสองคือ ทั้ง 2 กลุ่มนี้เป็นงานแห้งทั้งหมด สามารถเริ่มงานได้ทันทีจบงานได้ไวภายในเวลาไม่กี่วัน หรือว่าเป็นการปูพื้นแค่ห้อง 1 ห้องเวลาแค่ 2-3 ชั่วโมงก็สามารถจบงานได้ภายใน 1 วัน

การใช้งานของแต่ละประเภท
เรื่องการใช้งานพื้นไม้ลามิเนตและกระเบื้องยางลายไม้สามารถนำไปใช้ในห้องที่แตกต่างกันได้ดังนี้

พื้นไม้ลามิเนต จะเหมาะกับปูพื้นห้องที่ไม่ได้มีความชื้นสูงหรือไม่ใกล้พวกอ่างน้ำต่างๆ การถูพื้นห้องก็ต้องระมัดระวังพยายามเช็ดให้แห้ง ห้องส่วนใหญ่ที่นำไปปู เช่น ห้องนอน เป็นต้น

ส่วนกระเบื้องยางลายไม้ จะเหมาะกับห้องที่มีการใช้งานบ่อยมีการเดินมีการเล่นของเด็ก ๆ หรืออาจจะมีโอกาสเกิดน้ำหกได้บ่อย ห้องที่เหมาะจะใช้กับพื้นประเภทนี้มากกว่า เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องรับแขก เป็นต้น
จะเห็นว่าวัสดุปูพื้นทั้ง 2 แบบเหมาะกับการใช้งานคนละแบบการมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน ดังนั้นถ้าท่านจะเลือกใช้ก็เลือกเอาตามงบประมาณและการใช้งานของท่านได้เลย

คลิกติดต่อสั่งซื้อสินค้า

สินค้าแนะนำ

รู้จักอิฐมอญ อิฐก่อสร้างผนังบ้าน

ผนังบ้าน เป็นส่วนหนึ่งของบ้านและอาคารที่ใช้แบ่งพื้นที่ใช้สอยส่วนต่างๆออกจากกัน ระบบผนังที่เราใช้กันมากก็คือ ผนังอิฐก่อ ที่เราคุ้นเคยกันดีก็ได้แก่ “อิฐมอญ”ซึ่งมีใช้กันนานเพราะมีความแข็งแรง และช่างส่วนใหญ่มีความชำนาญในการก่อ

ส่วนประกอบของ อิฐมอญ

ดินเหนียว : ดินเหนียวมีความสำคัญต่อการผลิตอิฐมอญเป็นอย่างอย่างมาก ต้องเลือกดินเหนียวที่มีคุณภาพดี  วิธีตรวจสอบดินเหนียวที่จะนำมาใช้ผลิตสามารถตรวจสอบโดยการปั้นดินเหนียวเป็นก้อน นำไปตากแดด หากก้อนดินเหนียวมีการหดตัว หรือแตกเปราะ ก็แปลว่าคุณภาพยังไม่ดีพอที่จะนำมาใช้เป็นวัตถุดิบ

ขี้เถ้าแกลบ : เป็นส่วนผสมที่สำคัญสำหรับการเตรียมดิน เพราะในดินเหนียวมีน้ำอยู่มาก เถ้าแกลบช่วยเพิ่มความหนาแน่น และทำให้เนื้อดินเหนียวมีความเบา เสริมความแข็งแกร่ง นอกจากนี้ยังทำให้ตัวอิฐมีรูพรุน สามารถดูดน้ำ และปูนได้ดี

ทราย : ป้องกันการหดตัว การแตกร้าว และการบิดตัวเมื่อเผา ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้อิฐมอญ ทำให้สามารถรับน้ำหนักได้ดี

น้ำ : ใช้ผสมกับดินเหนียวเพื่อปรับสภาพดินให้มีความอ่อนตัวลง และมีความเหนียวที่เหมาะสมต่อการผลิตอิฐมอญ

 

อิฐมอญผลิตจากดินเหนียว ทราย ขี้เถ้าแกลบ และน้ำ โดยผ่านกระบวนการเผา ขนาดโดยประมาณ ยาว 14-16 ซม. หนา 2.5-3 ซม. ส่วนความกว้าง อยู่ที่ 6-6.5 ซม.
ข้อดีเด่นๆ ของอิฐมอญ  หาซื้อได้ง่ายตามร้านวัสดุก่อสร้างทั่วไป ราคาถูก และช่างส่วนใหญ่มีความชำนาญในการก่อ นอกจากนี้ผนังที่ก่อด้วยอิฐมอญยังสามารถปล่อยเปลือยแบบอิฐโชว์แนวซึ่งเป็นที่นิยมกันสำหรับการตกแต่งสไตล์ลอฟต์

คุณสมบัติของวัสดุ ผนังอิฐมอญสามารถทนไฟได้ 2 ชม. สามารถเจาะแขวนของบนผนังได้ด้วยวัสดุที่หาได้ทั่วไปอย่างพุกพลาสติกและสกรู โดยแต่ละจุดสามารถรับน้ำหนักได้ 30 กก./1 ตร.ซม. ทั้งนี้ ข้อคำนึงในการใช้อิฐมอญก็คือ ผนังอิฐมอญจะอมความร้อนมากกว่าผนังอิฐมวลเบา และถึงแม้วัสดุจะมีราคาถูกกว่า แต่ด้วยขนาดที่เล็ก (ประมาณ 120-140 ก้อน/ตร.ม.) ใน 1 วันอาจก่อได้เพียง 5-10 ตารางเมตร เท่านั้น

 

ลักษณะของอิฐมอญที่ดี

  1. มีรูปร่างเรียบร้อยดี ไม่แอ่นปิดหรือไม่มีขอบขรุขระมากทุกเหลี่ยมได้ฉาก
  2. สุกสม่ำเสมอตลอดทั้งแผ่น
  3. มีความเหนียวไม่แตกหักง่าย
  4. มีขนาดโตเท่ากันทุกก้อน(โดยเฉลี่ย)
  5. เมื่ออิฐหักออกจะเห็นเนื้อภายในคล้ายหินและแน่นมากไม่มีรูพรุนหรือรอยแตกร้าว
  6. มีสีสม่ำเสมอตลอดทั้งแผ่น
  7. ไม่ดูดน้ำเกิน10%ของน้ำหนักอิฐเมื่อแช่น้ำไว้24ชั่วโมง
  8. เคาะฟังเสียงดู มีเสียงแกร่งคล้ายโลหะ

 

เครดิตข้อมูล
pbundeetaweesab.com

อิฐเอเชีย จำหน่ายอิฐช่องลม และกระเบื้องดินเผา


scghome.com

 

ประตูห้องน้ำ ต้องเลือก Polystyrene(PS)

ประตูห้องน้ำราคาถูก

ประตูห้องน้ำ

    สำหรับท่านที่สนใจ หรือกำลังสร้างบ้าน ตกแต่งบ้าน หรือ ต้องการรีโนเวท บ้านใหม่ ย่อมรู้ดีว่าข้อมูลของบ้านการวางแผนในเรื่องต่างๆย่อมสำคัญมาก โดยเฉพราะเรื่องวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ก่อสร้าง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาในอนาคตนั่นเอง บทความรู้นี้ก็ขอเริ่มจาก ส่วนขององค์ประกอบบ้านที่แสนธรรมดา แต่ว่าต้องใส่ใจรายละเอียดอย่างมาก 1 ส่วน นั่นคือส่วนของห้องน้ำนั่นเอง แล้วทำไมถึงต้องใส่ใจกับส่วนนี้ ก็เพราะว่า ห้องน้ำ เป็นส่วนที่โดนน้ำอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นวัสดุต่างๆ แน่นอนว่าต้องกันน้ำ ทนความชื้น

 

     จึงจะสามารถไว้ในได้ในการใช้งานต่อไปในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในส่วนของ ประตูห้องน้ำ ซึ่งยุคนี้ก็คงหนีไม่พ้น วัสดุที่ทำจาก Polystyrene ที่เป็นวัสดุ พลาสติกชนิดเทอร์โมพลาสติก วัสดุที่มีน้ำหนักเบา และทนทาน แต่ก่อนอื่น เราจะมาดูกันว่า ประตูห้องน้ำ ในปัจจุบันที่พบเห็นกับทั่วไปนั้น มีกี่แบบ แต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร มีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง และทำไมประตูห้องน้ำต้องเป็น Polystyrene เรามาหาคำตอบพร้อมกันเลย

ประตูห้องน้ำแบบไหนดี

ประตูห้องน้ำ มีกี่ประเภท แตกต่างกันอย่างไร ?

วัสดุที่นำมาทำ ประตูห้องน้ำ ก็จะแบ่งได้ 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ ประเภทที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ และประเภทที่ทำจากวัสดุสังเคราะห์ ซึ่งแต่ละประเภทก็จะมีความแตกต่างกันออกไป มีข้อดีข้อเสียต่างกัน ครั้งนี้เราก็นำตัวอย่างประเภทของประตูห้องน้ำที่นิยมใช้กัน มาให้ชมส่วนนึง และแบบไหนจะถูกใจตรงความต้องการผู้ใช้นั่น มาดูกันเลย

แบบที่1.ประตูห้องน้ำ ไม้จริง

เป็น ประตูห้องน้ำ ที่ทำจากไม้จริง เป็นวัสดุธรรมชาติ 100% สามารถปรับเปลี่ยนให้เข้ากับรูปแบบความต้องการได้ง่าย ปรับเปลี่ยนให้เข้ากับตัวบ้านได้ง่าย นิยมใช้กันมากโดยเฉพราะ บ้านแบบคลาสสิค บ้านแบบโมเดิร์น มีสีไม้ให้เลือกใช้ที่สวยงาม เข้ากับโทนบ้านได้ง่าย และที่สำคัญคือสวยงามดูมีราคา

ข้อดี: รูปทรงสวยงาม ให้ผิวสัมผัสที่ดี สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบได้ตามความต้องการ

ข้อเสีย: ปลวกสามารถกินได้ อาจจะต้องเสียเงินเปลี่ยนประตูใหม่ในอนาคต ประตูที่ทำจากไม้จริงอาจเกิดการหดตัว หรือปลวกได้

แบบที่2 ประตูแบบ PVC 

วัสดุประเภทนี้สามารถพบเห็นได้ทั่วไป เพราะนอกจากจะนิยมมาทำ ประตูห้องน้ำ แล้ว PVC ก็ยังถือว่าเป็นพลาสติกที่ทนทานเหมาะกับการแปรรูปได้หลากหลาย แต่ก็ยังถือว่าเป็นวัสดุที่ค่อนข้างบาง อ่อน และรับแรงกระแทกได้น้อย

ข้อดี: มีน้ำหนักที่เบามาก ติดตั้งง่าย ปลวกไม่กิน กันน้ำได้ดี

ข้อเสีย: ไม่ทนทาน แตกหักง่าย

แบบที่3 ประตูแบบ WPC 

เป็นวัสดุใช้ทำประตูห้องน้ำ มีส่วนผสมระหว่างไม้กับโพลีเมอร์ หรือเรียกง่ายๆ ก็คือการผสมระหว่างเศษไม้ กับพลาสติกนั่นเอง เป็นการผสมระหว่างข้อดีของวัสดุ 2 ชนิด จึงทำให้ประตูที่ทำจาก WPC มีความทนทาน ไม่ชื้นน้ำ ไม่บวม ปลวกไม่สามารถกินได้

ข้อดี: ปลวกไม่สามารถกินได้ ไม่บวมน้ำ ไม่เกิดการขยายตัว วัสดุไม่ติดไฟ มีความทนทานสูง

ข้อเสีย: มีน้ำหนักมาก ประตูไม่สามารถดัดแปลงเป็นแบบอื่นได้ เนื่องจากตัวสินค้าทำขึ้นมาเฉพาะ

แบบที่4 ประตูแบบ Polystyrene

ประตูห้องน้ำทนทาน

ประตูห้องน้ำแบบ Polystyrene เป็น แผ่นฉนวน PS Foam กันความร้อน เก็บความเย็น ป้องกันการผ่านของเสียง แถมวัสดุประเภทนี้มีน้ำหนักเบา ทนทาน รองรับแรงกระแทนได้อย่างดีเยี่ยม กันความชื้นได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วย คุณสมบัติครบครันแบบที่เหมาะกับประตูห้องน้ำอย่างมาก และที่สำคัญมีหลายรูปแบบให้เลือก ผู้ที่สร้างบ้านใหม่ หรือรีโนเวทใหม่จึงนิยมใช้อย่างมาก

ข้อดี: มีน้ำหนัก ทนทาน กันความร้อน เก็บรักษาอุณหภูมิได้ดี ปลวกไม่กิน ทนน้ำไม่บวมไม่เปลี่ยนรูปทรง มีให้เลือกหลายรูปแบบ

ข้อเสีย: มีราคาสูงกว่าวัสดุแบบอื่นๆพอสมควร

ยี่ห้อประตูห้องน้ำ Polystyrene ในไทย

ปัจจุบัน หลายบริษัทที่ทำการผลิต ก็นำ นวัตกรรม การผลิตสมัยใหม่เข้ามาใช้กันพอสมควร สามารถพัฒนารูปแบบและคุณภาพของสินค้าขึ้นไปได้อย่างมากมาย ประตูประเภท Polystyrene ก็เป็น 1 ในนั้นเช่นกัน มีหลายยี่ห้อให้เลือก ซึ่งแต่ละยี่ห้อก็มีความโดดเด่นต่างกันออกไป ยกตัวอย่างเช่น ยี่ห้อ

 

 1 .ประตูห้องน้ำ ต้อง ยี่ห้อ Yes Moulding

   เป็นผู้ผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เทียบเท่าเกาหลี ประสบการณ์มากกว่า 28 ปี จำหน่าย ไม้บัว ไม้มอบฝ้า บัวเชิงผนัง ไม้แต่งผนัง ประตู วงกบประตู ชั้นอเนกประสงค์ และบานซิงค์ตู้แขวนชุดครัว Yes Moulding โพลีสไตรีน Polystyrene(PS) พลาสติกโพลีสไตรีน เพื่อทดแทนไม้จริง จากธรรมชาติ โดดเด่นเรื่องวัสดุ Polystyrene เป็นที่ 1 ของไทย

 

  2.Green Plastwood

ถือว่าเป็นอีกบริษัทที่ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อทดแทนผลิตภัณฑ์ที่ทำจากวัสดุประเภทไม้ พัฒนาวัสดุออกมาหลายแบบเพื่อลดปัญหาเรื่องทรัพยากร และแก้ปัญหาที่สินค้ารูปแบบเก่าๆพบเจอ  เช่น ปัญหาปลวกและแมลงกัดกินเนื้อไม้ ปัญหาด้านเป็นแหล่งสะสมความชื้นอันนำไปสู่การเกิดเชื้อราและแบคทีเรีย

 

   3.Bathic

แบรนด์ที่ได้รับความนิยมอีกแบรนด์ในประเทศไทย คล้ายกับ ยี่ห้อ Green Plastwood แต่อาจจะไม่ได้มีวัสดุหลายรูปแบบมากนัก แต่สามารถจบเรื่องประตูได้ที่นี่เลยที่เดียว มีสินค้าทุกอย่างที่เกี่ยวกับประตู ยี่ห้อนี้จะเน้นเกี่ยวกับประตูเป็นหลัก

 

 

ทำไมประตูห้องน้ำ Polystyrene ต้องยี่ห้อ Yes Moulding 

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า ปัจจุบัน ประตูห้องน้ำ แบบ Polystyrene ถูกผลิตออกมาหลากหลายยี่ห้อมาก แต่ที่แอดเลือกให้ Yes Moulding ดีที่สุด เพราะว่า ยี่ห้อนี้ไว้ใจได้เรื่องคุณภาพแน่นอน มีรูปแบบให้เลือกมากที่สุด เป็นยี่ห้อเดียวที่โดดเด่นวัสดุ Polystyrene มากกว่าทุกยี่ห้อ และยังการันตีรีวิวจากช่าง และ ผู้ใช้จริง ว่าทนทาน คุณภาพได้มาตรฐานแน่นอน ยี่ห้อนี้รับรองไม่ทำให้ผิดหวัง

 

สนใจสั่งซื้อประตูห้องน้ำ ประตุภายในบ้าน วงกบประตู คิ้วบัว บานซิงค์ ไม้พื้น SPC ทักแช๊ทขอใบเสนอราคาแอดมินได้นะคะ

 

ประโยชน์ของไม้แบบ และ การดูแลรักษาไม้แบบ

ไม้แบบ

เป็นอุปกรณ์หรือเครื่องมืออย่างหนึ่ง ที่เอาไว้ใช้สำหรับสร้างบ้าน โดยเป็นแบบหล่อเสาบ้าน คานบ้าน และไว้สำหรับเป็นแม่แบบเทถนนคอนกรีต ถ้าขาดแม่แบบที่ทำจากไม้แบบไปเรายังสามารถใช้แบบที่เป็นเหล็กมาทดแทนได้เหมือนกัน

ไม้แบบ (Wood Pattern) คือ อะไร 
ไม้แบบ คือ โครงสร้างชั่วคราวที่ทำจากไม้ ใช้สำหรับติดตั้งเป็นแม่แบบในงานหล่อคอนกรีตและคอนกรีตเสริม และโครงสร้างและส่วนประกอบต่าง ๆ ของอาคาร เช่น เสา คาน พื้น ผนัง ถนน เป็นต้น โดยไม้แบบจะมีหน้าที่รองรับน้ำหนักของคอนกรีต และสร้างขอบเขตการเทให้คอนกรีต ออกมาเป็นรูปแบบที่เราต้องการ

ไม้แบบ มีประโยชน์อย่างไร
ประโยชน์ของไม้แบบ ก็คือ  ใช้แบบเป็นแบบเสาและแบบคานบ้าน ส่วนมากช่างหรือผู้รับเหมาจะตัดแล้วใช้งานได้เรื่อย ๆ ไม่นิยมตัดซ้ำ ถ้าความยาวไม่พอก็จะนำมาต่อกัน ไม่นิยมตัดไม้แบบเพื่อให้ความยาวพอดีกับงาน และไม้แบบก็จะใช้สำหรับกั้นเป็นแบบเทพื้นบ้านได้อีกด้วย นอกจากไม้แบบแล้วยังมีแบบพลาสติกและแบบเหล็กที่ใช้ได้เหมือนกัน

ประเภทของไม้แบบ 
ไม้แบบมีหลายประเภท ทั้งไม้แบบไม้เนื้อแข็ง , เนื้อแดง , ไม้กระบาก , หรือไม้มะพร้าว ซึ่งขึ้นอยุ่กับการใช้งานและเงินในกระเป๋าอีกด้วย

ไม้แบบ ทำมาจากไม้อะไร
ไม้แบบส่วนมากที่นิยมขาย และนิยมใช้มักจะทำมาจากไม้กระบาก หรือไม้ยาง เพราะมีความแข็งพอสมควร รองรับน้ำหนักของคอนกรีตได้เป็นอย่างดี  เนื้อไม้ไม่แข็งจนเกินไป และไม้แบบที่ได้ก็ไม่บิดไม่งออีกด้วย

ไม้แบบ สามารถเอามาทำแบบได้กี่ครั้ง
ไม้แบบ ถ้าเราเก็บรักษาเป็นอย่างดี ไม่เก็บไว้ในที่ชื้น ไม่โดนน้ำหรือไม่เปียกฝน ไม่โดนปลวกกิน โดนมอดกิน ไม่หัก ไม่บิ่น ไม่ป็นรู ก็จะใช้ได้นาน
ไม้แบบสำหรับปลูกบ้าน ทำแบบเสา แบบคาน จะมีขนาดตายตัว และมีไม้หน้า 8 นิ้ว และ 10 นิ้ว ไว้ให้ช่างหรือผู้รับเหมาใช้งาน และส่วนมากช่างจะไม่นิยมตัดไม้แบบ เพราะต้องเสียต้นทุนซื้อไม้แบบมาใช้งานใหม่อีก ถ้าอยากใช้งานได้หลาย ๆ ครั้งใช้งานได้นาน ๆ ต้องเก็บรักษาไม้แบบให้ดี ๆ

การดูแลและการเก็บรักษาไม้แบบให้ใช้ได้นาน
ไม้แบบการดูแล ก็ทำง่าย คือ หลังจากแกะแบบออกมาแล้ว ให้เคาะเศษปูนออกจากตัวไม้ นำไม้ไปล้างทำความสะอาด ถ้ามีตะปูติดอยู่ที่แผ่นไม้ ให้ถอนเอาออก แล้วเอาไปพึ่งแดดให้แห้ง แล้วนำเก็บไว้ในที่แห้ง ๆ ไม่ให้ไม้แบบเปียกฝน ส่วนการเก็บรักษา ไม้แบบไม่ควรเก็บในที่ชื้นไม่กองไม้แบบไว้บนดิน เพราะปลวกและมอดจะกินไม้แบบทำให้ไม้แบบผุกร่อน ไม่ควรตัดไม้แบบบ่อย ๆ หรือทำให้ไม้แบบเป็นรู

ไม้แบบ เอาไปใช้งานแบบไหน ปัจจุบันไม้แบบราคาส่วนใหญ่ในท้องตลาดประมาณกี่บาท
ไม้แบบ หน้าที่ของไม้แบบ ก็คือ เอาไปทำเป็นแบบเสา และแบบคาน แบบเสานี่คือเทปูนใส่ไม่ว่าจะเป็นปูนที่ผสมเอง หรือปูนคอนกรีตผสมเสร็จ แล้วเอามาเทลงในเสาที่เราทำแบบไม้เอาไว้ เพื่อใช้เป็นเสาบ้าน คานคอดิน คานบ้าน เป็นต้น จะเสาใหญ่คานใหญ่แค่ไหน อันนี้ก็แล้วแต่ไม้แบบที่เลือกใช้

สำหรับราคาไม้แบบที่ขายกันอยู่ในปัจจุบันนี้ อย่างหน้า 8 นิ้วราคาจะอยู่ที่แผ่นละ 300-400กว่าบาท ขึ้นอยู่กับความยาวที่ใช้งานด้วยครับ ส่วนไม้แบบหน้า 10 นิ้วราคาก็จะขึ้นอยู่กับความยาวของไม้แบบที่เราจะซื้อไปใช้งานด้วย  แต่ราคาในท้องตลาดจะอยู่ที่ 400 กว่าบาทขึ้นไป

แนวโน้มราคาไม้แบบ ในอนาคตจะประมาณกี่บาท
ปัจจุบันราคาไม้แบบ หน้า 8 นิ้ว และหน้า 10 นิ้ว ราคาปัจจุบันมันคิดที่ความยาวของไม้มากกว่า ว่าตอนที่ซื้อไปใช้ไม้แบบหน้าอะไรยาวกี่เมตร อย่างเช่น ไม้แบบหน้า 8นิ้วยาว 4เมตร ราคาก็จะอยู่ที่ประมาณ 300-400 บาทต่อแผ่น และในอนาคตราคาไม้แบบจะเพิ่มขึ้นหลักร้อย หรือตามที่โรงงานไม้แปรรูปขายส่งให้ร้านค้าวัสดุก่อสร้างส่วนมากจะคิดเป็นคิวหรือลูกบาศก์ฟุต

ไม้แบบหน้าอะไรที่คนไทยนิยมมาใช้งานมากที่สุด
สำหรับไม้แบบหน้าที่คนไทย ช่างไทย หรือผู้รับเหมานิยมซื้อมาใช้ ไม้แบบที่นิยมใช้สำหรับงานก่อสร้างจะมี 2 ขนาดด้วยกัน คือ ไม้แบบหน้า 8 นิ้ว และหน้า 10 นิ้ว ซึ่งมันก็แล้วแต่หน้าเสาหรือขนาดของคานบ้านหรือเสาบ้านที่จะหล่อที่ใช้ ส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับแบบของบ้านมากกว่า

ไม้แบบที่ดีดูได้จากอะไร
ไม้แบบที่ดีที่สามารถใช้งานสำหรับทำแบบได้ดี  สามารถเลือกได้จาก ไม้แบบต้องไม่งอตรงตรงตลอดตั้งแต่หัวไปกลางแผ่นและปลายแผ่น ไม่บิดและไม่งอ และไม่เปียกชื้นไม่มีมอดกินไม้ ไม่ผุไม่หักไม่บิ่น อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้อยู่ตลอดเวลา

หลังคากระเบื้องลอนคู่ กับ หลังคาเมทัลชีท ควรเลือกแบบไหนมาสร้างบ้าน

กระเบื้องลอนคู่ และ  หลังคาเมทัลชีท คนที่จะสร้างบ้าน หรือต่อเติมซ่อมแซมบ้าน ควรจะเลือกใช้อะไรมุงหลังคาดี
กระเบื้องลอนคู่ จะเหมาะกับหลังคาทรงปั้นหยา ทรงจั่ว มากกว่า เพราะจะดูหรูหราสวยงาม
หลังคาเมทัลชีท จะเหมาะกับทรงโมเดิร์น มากกว่า เพราะสามารถมุงหลังคาที่มีความชันน้อยๆแล้วไม่รั่วซึมได้

 

น้ำหนักและโครงหลังคา
หากพูดถึงเรื่องน้ำหนักกันแล้ว กระเบื้องลอนคู่นั้นจะมีน้ำหนักมากกว่าเมทัลชีทหลายเท่า กระเบื้องลอนคู่แผ่นหนึ่งน้ำหนักประมาณ 6-7 กิโลกรัม/แผ่น ในขณะที่เมทัลชีทนั้นเป็นแผ่นเหล็กที่ถูกรีดออกมาให้มีความบางมากๆ ทำให้มีน้ำหนักเบา หากเทียบกับการปูหลังคาบ้านในพื้นที่ที่เท่ากันแล้ว กระเบื้องลอนคู่จะมี น้ำหนักมากกว่าอยู่แล้ว เมื่อมีน้ำหนักที่มากกว่า ทำให้โครงหลังคาที่ใช้ ก็ต้องมีความแข็งแรงมากว่าด้วยเช่นกัน เพื่อใช้แบบรับน้ำหนักของกระเบื้องเป็น 100 แผ่น ทำให้ต้องเสียค่าวัสดุสำหรับโครงสร้างหลังคามากกว่าเมทัลชีทอย่างไม่ต้อง สงสัย

ความรวดเร็วในการปูหลังคา
ความรวดเร็วในการปูหลังคานั้น การปูหลังคาด้วยเมทัลชีทจะรวดเร็วกว่ามาก เพราะเราแค่เอาแผ่นเมทัลชีทที่เป็นแผ่นยาวและใหญ่มาปู และยิงติดกับโครงหลังคา ใช้เวลาแป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว เทียบกับการปูหลังคาบ้านด้วยกระเบื้องลอนคู่ที่ต้องวางซ้อนกันทีละแผ่น แถมบางทียังต้องมาเสียเวลาตัดมุมกระเบื้องเพื่อกันน้ำไหลย้อน ขึ้นมาอีก ก็ทำให้ใช้เวลาการปูที่มากกว่าเมทัลชีทอย่างแน่นอน

การรั่วซึมของหลังคา
ความจริงแล้วเรื่องการรั่วซึมของน้ำเวลาที่ฝนตกนั้น ก็มีสิทธิ์เกิดขึ้นได้เท่าๆกัน ขึ้นอยู่กับการปูของช่างมากกว่า ว่าจะเอาใจใส่ และละเอียดรอบคอบมากน้อยแค่ไหน ถ้าเจอช่างที่ทำงานแบบชุ่ยๆ ไม่ว่าจะลอนคู่หรือเมทัลชีท เจอฝนตกหนักๆก็รั่วก็ซึมได้เหมือนกัน แต่ถ้าจะให้คะแนนในกรณีที่ช่างทำงานออกมาได้ดีเท่ากัน ขอให้เมทัลชีทเป็นผู้ชนะก็แล้วกัน เพราะการปูหลังคาบ้านด้วยเมทัลชีทนั้นจะมีรอยต่อที่น้อยกว่าการปูหลังคาบ้าน ด้วยกระเบื้องลอนคู่ ที่ต้องปูซ้อนกันเป็นแผ่นๆไป ความผิดพลาดในการปูจึงมีมากกว่าโอกาสการรั่วซึมของกระเบื้องลอนคู่จึงมี มากกว่านั่นเอง

ความทนทาน อายุการใช้งาน
ความทนทาน หรืออายุการใช้งานระหว่างหลังคาลอนคู่กับหลังคาเมทัลชีทนั้น ถ้าตามปกติแล้วหลังคาที่ปูด้วยกระเบื้องลอนคู่จะมีความทนทาน และอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่ามาก ถ้าไม่มีใครไปเดินเหยียบ หรือมีของอะไรหนักๆตกลงมาใส่ หลังคาจากกระเบื้องลอนคู่ก็คงอยู่ได้นานเป็น 20-30 ปี แต่ที่จะไปก่อนน่าจะเป็นโครงหลังคาซะมากกว่า ส่วนหลังคาเมทัลชีทนั้นอายุการใช้งานจะสั้นกว่ากระเบื้องลอนคู่ หากสารที่เคลือบอยู่ที่ผิวโลหะเกิดหลุดล่อนออกมา ความคงทน และคุณสมบัติต่างๆ เช่น การสะท้อนความร้อน ของเมทัลชีทก็จะลดน้อยลงไปเยอะ แต่ก็ไม่ต้องห่วงถึงจะบอกว่าน้อยกว่าลอนคู่ แต่การใช้งานก็เป็น 10-15 ปีขึ้นไป

การป้องกันความร้อน
หลังคาเมทัลชีทจะทำให้บ้านร้อนมากกว่าหลังคากระเบื้องลอนคู่ จาก การที่ได้ลองสัมผัสมา เพราะเมทัลชีทนั้นจะจัดการเร่องความร้อนด้วยการสะท้อนความร้อนกลับไป ซึ่งก็สะท้อนไปได้บางส่วน ส่วนความร้อนที่เหลือก็จะทะลุลงมาภายในบ้าน ซึ่งความร้อนที่เหลือๆมาก็ไม่ใช่เล่นๆ แต่ก็มีวิธีแก้ปัญหาเรื่องนี้ก็คือ การติดฉนวนกันความร้อนเพิ่มเข้าไปอีกชั้น ซึ่งก็จะช่วยลดความร้อนไปได้มาก แต่สำหรับกระเบื้องลอนคู่นั้นมันก็จะดูดซับความร้อนไว้ในตัวกระเบื้องบาง ส่วน และก็จะแผ่ความร้อนเข้ามายังตัวบ้านเหมือนกัน ซึ่งก็จะร้อนน้อยกว่าเมทัลชีทแบบไม่ใส่ฉนวน แต่เดี๋ยวนี้เค้ามีกระเบื้องที่เคลือบสารสะท้อนแสงแดด ซึ่งสามารถช่วยสะท้อนความร้อนออกไปได้ส่วนหนึ่ง ถ้าเป็นหลังคาลอนคู่แบบนี้จะทำให้บ้านเย็นกว่าแน่นอน

ความดังเวลาฝนตก
เรื่องนี้เมทัลชีทนั้นชนะขาดแน่นอนครับ เพราะเมทัลชีททำมาจากโลหะ เวลาฝนตกหนักๆแรงๆ เสียงย่อมดังกว่ากระเบื้องลองคู่อยู่แล้วครับ แต่เค้าก็แก้ปัญหาด้วยการใส่ฉนวนกันความร้อนเข้าไปอีกชั้น ก็สามารถช่วยลดการเกิดเสียงดังภายในบ้านได้ในระดับหนึ่ง แต่ข้างนอกบ้านก็ยังดังอยู่ดีครับ แอบเป็นห่วงเพื่อนบ้าน กลัวเค้ารำคาญเอาได้

ราคาหลังคากระเบื้องลอนคู่ กับ ราคาเมทัลชีทใครถูกแพงกว่ากัน
ถ้านับกันเฉพาะตัวกระเบื้องนั้น ลอนคู่ถูกกว่าเมทัลชีทแน่นอน เพราะข้อดีของกระเบื้องก็คือเรื่องราคานี่แหละ แผ่นหนึ่งประมาณ 50-60 บาทก็ มี แต่ถ้าเทียบเหมารวมทั้งหมด ทั้งค่าวัสดุ ค่ากระเบื้อง ค่าแรง แล้วล่ะก็ราคาถือว่าพอๆกัน เมทัลชีทอาจจะสูงกว่านิดหน่อย ขึ้นอยู่กับรูปแบบลอนหลังคา และความยากง่ายในการทำด้วย

เครดิตข้อมูล
https://www.yothahouse.com/
facebook ชมรมหลังคาเมทัลชีท

รีโนเวทบ้าน ทำตรงไหนได้บ้าง 10 จุดรีโนเวทที่คุณห้ามพลาด

ทำตรงไหนได้บ้าง 10 จุดรีโนเวทที่คุณห้ามพลาด

เชื่อว่าหลาย ๆ คนที่ซื้อบ้านมือ 2 หรืออยู่บ้านหลังเดิมมานานแล้ว น่าจะเกิดความรู้สึกเบื่ออยากแต่งเสริมเติมแต่งบ้าน ให้อยู่ในรูปแบบใหม่ ๆ ซึ่งเข้ากับรสนิยมปัจจุบันของตนเองและนำไปสู่การรีโนเวทบ้านแน่นอน ซึ่งจุดประสงค์ในการรีโนเวทก็มักมีด้วยกันหลายอย่าง เช่น

  • ต้องการขยายเนื้อที่การใช้สอยของตัวบ้าน ให้เหมาะสมกับผู้ที่อยู่อาศัยในปัจจุบัน
  • ต้องการซ่อมแซมส่วนที่ชำรุดสึกหรอของตัวบ้าน เพื่อให้กลับมาใช้งานได้เป็นปกติ
  • ไม่ต้องการซื้อบ้านใหม่ เนื่องจากมีงบประมาณจำกัด
  • รักในทำเลของบ้านเดิม ต้องการปรับปรุงบ้านให้สวยงาม ทันสมัย มีความน่าอยู่อาศัยมากขึ้น

ทำตรงไหนได้บ้าง 10 จุดรีโนเวทที่คุณห้ามพลาด

วันนี้ผมเลยนำ 10 จุดรีโนเวทบ้านที่คุณไม่ควรพลาดมาฝาก มาดูกันว่าเวลารีโนเวทบ้านส่วนใหญ่ทำกันตรงไหน และมีข้อควรระวังอย่างไรบ้าง เพื่อให้คุณวางแผนได้อย่างถูกต้องและไม่มีปัญหาตามมาทีหลัง

1. การยกพื้นภายใน
ซึ่งหนึ่งในสิ่งที่หลายคนคิดจะทำเวลาอยากยกพื้นขึ้นคือ การทาคอนกรีตทับพื้นไปเลย แต่จริง ๆ แล้วเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะเป็นการเพิ่มน้ำหนักให้กับโครงสร้าง ซึ่งอาจจะทำให้เกินกว่าน้ำหนักที่ตัวโครงสร้างสามารถรับได้ แล้วต้องทำอย่างไรล่ะถึงจะยกพื้นได้?

วิธีการที่ดีคือปูด้วยโฟมก่อสร้างก่อน แล้วเว้นช่องไว้เป็นบล็อก ๆ แล้วค่อยเทปูนลงไปเพื่อให้มีการกระจายน้ำหนักและลดน้ำหนักสุทธิที่พื้นต้องได้รับ หรือถ้าต้องการยกพื้นค่อนข้างสูง 20-30 ซม. สามารถทำได้ด้วยการต่อโครงเหล็กขึ้นมาใหม่และปูด้วยแผ่นสมาร์ทบอร์ดก็พอแล้วครับ

2. เปลี่ยนวัสดุพื้น
สิ่งที่ต้องกังวลในข้อนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องน้ำหนักอย่างที่ข้อหนึ่งต้องกังวล น้ำหนักที่เพิ่มเข้ามาจากการเปลี่ยนพื้นนั้นไม่ได้มีมากจนเกินไป แต่สิ่งที่ควรกังวลคือระดับพื้นหลังจากเปลี่ยนเจ็บมากกว่า เช่น ถ้าคุณเปลี่ยนจากพื้นลามิเนตหรือแผ่นไม้กระเบื้องยาง มาเป็นการปูด้วยกระเบื้องจะต้องมีความสูงหรือระดับที่เพิ่มขึ้นอย่างน้อยที่สุด 2-3 ซม. ซึ่งอาจจะไม่เท่ากับความสูงในระดับอื่นของบ้าน

ทำตรงไหนได้บ้าง 10 จุดรีโนเวทที่คุณห้ามพลาด

3. เพิ่มพื้นที่ตัวบ้าน

ข้อคำนึงที่ควรระวังสำคัญมากที่สุดก็คือเรื่องของน้ำหนัก เพราะการเพิ่มพื้นที่ส่วนใหญ่จะอยู่ในตึกสำนักงานหรืออาคารให้เช่าต่าง ๆ ทางที่ดีควรใช้เป็นโครงเหล็กและสมาร์ทบอร์ดเพื่อลดน้ำหนักให้ได้มากที่สุด

4. การย้ายบันได

บันไดแบ่งไปด้วยกันหลัก ๆ 2 ขั้นตอนคือ รื้อบันไดเก่าและใส่บันไดใหม่เข้าไป ซึ่งการรื้อออกส่วนใหญ่ไม่ได้มีปัญหามากนัก แต่การจะเอาบันไดใหม่เข้าไปติดตั้งในตัวบ้านจำเป็นจะต้องปรึกษาวิศวกรที่เชี่ยวชาญ เพราะส่วนใหญ่จะต้องมีการเจาะหรือการเสริมโครงสร้างเข้าไป จึงแนะนำว่าให้ผู้เชี่ยวชาญดูแลจะดีที่สุด

5. การเจาะผนังเป็นช่องเปิด

การเจาะผนังเป็นช่องเปิด เช่น การเจาะทะลุระหว่างห้อง การทำประตูเชื่อมต่าง ๆ สิ่งที่ควรระวังก็คือเรื่องน้ำหนักของแท้การรับน้ำหนักของวัสดุที่นำมาต่อเติม ดังนั้นต้องคำนึงถึงขนาดและน้ำหนักของวงกบหรือของวัสดุที่จะนำมาต่อเติมและยังมีเรื่องสายไฟต่าง ๆ ที่ต้องคำนึงอีก ดังนั้นทางที่ดีควรปรึกษาช่างหรือวิศวกร

ทำตรงไหนได้บ้าง 10 จุดรีโนเวทที่คุณห้ามพลาด

6. การกั้นเพิ่มผนังใหม่

หลักการที่สำคัญที่สุดคือผนังที่เพิ่มเข้าไปต้องมีน้ำหนักที่เบา ทางที่ดีแนะนำเป็นการใช้ผนังเบา ผนังแห้งหรือผนังที่เป็นโครงสร้างเหล็กต่าง ๆ ไม่ควรใช้คอนกรีตเพิ่มเข้าไป หรือถ้าจำเป็นต้องใช้ผนังก่อจริง ๆ แนะนำเป็นอิฐมวลเบาเพื่อลดน้ำหนักให้ได้มากที่สุด

7. การย้ายตำแหน่งปลั๊กและสวิตช์ไฟ

สิ่งที่ต้องรู้คือส่วนใหญ่เวลาการรื้อสายไฟใหม่อาจจะทำให้ผนังเกิดความเสียหาย ซึ่งต่อให้ซ่อมแล้วก็จะดูไม่สวยงามเหมือนเดิม แต่วิธีที่ได้รับความนิยมแล้วก็แก้ปัญหาได้คือการใช้วิธีร้อยในกล่อง ท่อ EMT ซึ่งเป็นท่อเหล็กก็ได้

8. การเปลี่ยนหรือประตูหน้าต่าง

ขอแนะนำสำคัญสำหรับข้อนี้คือจะเปลี่ยนรูปแบบหน้าต่างสามารถทำได้แต่ไม่ควรรื้อวงกบเด็ดขาด ตัววงกบถูกฝังเท่ากับตัวคอนกรีตตั้งแต่ตอนสร้างบ้าน การรื้อวงกบทิ้งทั้งหมดอาจจะทำให้เกิดงานล่าช้าและบานปลาย ต้องเก็บงานปูนงานใหม่ทั้งหมด แต่ถ้าไม่ได้คิดมากหรือไม่ได้กังวลเรื่องงานใหญ่ เรื่องราคาหรือเรื่องเวลาก็สามารถทำได้เช่นกัน

ทำตรงไหนได้บ้าง 10 จุดรีโนเวทที่คุณห้ามพลาด

9. การปรับปรุงห้องน้ำ

ถ้าเป็นการปรับปรุงภายในห้องน้ำแต่ห้องน้ำอยู่ตำแหน่งเดิมสุขภัณฑ์ต่างๆยังอยู่จุดเดิมตรงนี้ไม่ได้มีปัญหามาก แต่เมื่อไหร่ที่ต้องมีการย้ายห้อง หรือมีการย้ายสุขภัณฑ์ สิ่งที่คุณต้องกังวลมากที่สุดคือเรื่องการเดินท่อหรือระบบท่อ ว่าสามารถย้ายได้ไหมไปต่อที่ใหม่ได้ไหมและเดินท่อไปหาที่เก่าได้หรือเปล่า อาจใช้วิธีการรีโนเวทห้องน้ำแบบระบบแห้งหรือรีโนเวทส่วนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับสุขภัณฑ์ก็ได้

10. ปรับปรุงหลังคา

ถ้าเป็นการแจ้งซ่อมแซมหลังคาทาสีใหม่หรือรื้อหลังคาแผงเก่าออกและใช้หลังคาชนิดเดิมยี่ห้อเดิมน้ำหนักเท่าเดิมแต่เป็นการซื้อใหม่มาเปลี่ยนแบบนี้ทำได้เลย

สิ่งที่คนส่วนใหญ่อยากจะรีโนเวทหลังคาคือ การรื้อหลังคาเก่าออกแล้วเปลี่ยนแบบเปลี่ยนทรงเป็นวัสดุซึ่งตรงนี้อาจจะต้องมีการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือว่าทีมวิศวกรทีมช่างที่เกี่ยวข้อง

ทั้งหมดนี้คือจุดสังเกตและข้อควรระวังสำหรับการรีโนเวทบ้านที่คุณจำเป็นต้องรู้ เพื่อให้คุณวางแผนและป้องอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคตครับ

คลิกติดต่อสั่งซื้อสินค้า

สินค้าแนะนำ