สาเหตุหลักของอาการแตกร้าวของผนังปูน

สาเหตุหลักของอาการแตกร้าวของผนังปูน

1.ความชำนาญของช่างปูน ด้วยเทคนิคการฉาบปูนที่ไม่ได้มาตรฐาน หากฉาบหนาเกินไป หรือไม่มีแนวเซาะร่องเพื่อให้ปูนได้ขยายตัว ทำให้เมื่อเซตตัวจะเกิดการหดตัวมากเกินไป ทำให้เกิดรอยแตกร้าวได้ แต่อาจเป็นรอยแตกร้าวที่ไม่ส่งผลต่อโครงสร้าง

2.การทรุดตัวของพื้น จนทำให้เกิดปัญหารอยแตกร้าวแนวเฉียงขนาดใหญ่ เกิดจากการลงเข็มที่แตกต่างขนาด หรือการลงเข็มที่ต่างเวลา ซึ่งปัญหานี้ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ควรได้รับคำปรึกษาจากสถาปนิก หรือวิศวกรเพื่อขอคำแนะนำที่เหมาะสม

3.การแตกร้าวอันเนื่องมาจากความเสียหายของโครงสร้างอาคาร เช่น เกิดร้อยขี่ตามแนวคาน และเสา ซึ่งเป็นปัญหาโครงสร้างที่ร้ายแรงต้องรีบแก้ไขโดยด่วน โดยการแตกร้าวลักษณะนี้แตกต่างจากข้อ 2 และ 3 ที่ไม่สามารถใช้สีมาซ่อมแซมได้ เพราะถ้าไม่ได้แก้ไขที่ต้นเหตุรอยร้าว ปัญหาก็จะเกิดขึ้นซ้ำอีก

เครดิตบทความและภาพ
https://www.tigerbrandth.com/

เทคนิคในการใช้ไม้อัดเคลือบฟิล์มดำ

ไม้อัดเคลือบฟิล์มดำ  เป็นการนำไม้อัดที่เป็นแผ่นบาง ๆ มาอัดด้วยกาวที่กันน้ำ และเคลือบผิวหน้าด้วยฟิล์มโมลิกสีดำ ซึ่งมีคุณสมบัติมันวาวและน้ำซึมผ่านได้ยาก ทำให้มีความแข็งแรง ทนทาน และแกะแบบออกได้ง่าย สามารถใช้งานซ้ำได้หลายครั้ง สามารถตัดและเจาะได้อีกด้วย

ไม้อัดเคลือบฟิล์มดำ เหมาะสำหรับงานประเภทไหน

ไม้อัดเคลือบฟิล์มดำ เหมาะสำหรับงานประเภท งานแบบหล่อที่มีพื้นที่กว้าง ประเภทงานคอนกรีตถนนคอนกรีต ในการประกอบติดตั้งมีราคาถูกกว่าการใช้ไม้แปรรูป หลังจากถอดแบบหล่อออกแล้ว ได้ผิวคอนกรีตเรียบกว่าไม้กระดาน โดยในการยืดอายุการใช้งานแบบหล่อคอนกรีตที่ใช้ไม้อัดเคลือบฟิล์มดำ ควรทำกรอบรอบไม้อัดเป็นโครง ด้วยไม้หรือเหล็กฉาก เพื่อให้แข็งแรง ทนทาน ต่อแรงกระแทกจากการประกอบและการถอดแบบหล่อและควรทาแบบด้วยแลคเกอร์ สีน้ำมันหรือน้ำยาเคลือบแบบหล่อ เพื่อลดการดูดซึมน้ำปูนจากคอนกรีต หากแบบหล่อไม้อัดมีลักษณะเริ่มพองตัวหรือแยกตัวเป็นชั้น แสดงถึงการหมดสภาพการใช้งาน ควรหลีกเลี่ยงการนำมาใช้งานซ้ำและเพื่อความประหยัดควรจัดวางแผ่นไม้อัดลงตัว และเศษของแผ่น ควรจัดให้สมมาตรกัน

 

เทคนิคในการใช้ไม้อัดเคลือบฟิล์มดำ

  1. ควรใช้ผ้าเช็ด ทำความสะอาดผิวไม้อัดก่อน เนื่องจากเศษดิน เศษหิน เศษปูน ที่ติดผิวไม้อัดกันน้ำ จะมีผลต่อความเรียบเงาของพื้นคอนกรีต
  2. ไม้อัดที่ใช้งานแล้ว อาจมีเศษปูน เศษหิน เศษดิน ติดอยู่ ควรทำความสะอาดไม้อัดก่อนที่จะเก็บรักษา
  3. เมื่อมีการตัด หรือเจาะไม่อัด ให้ใช้สีทากันน้ำ ทาขอบ เพื่อกันน้ำไม่ให้ซึมเข้าแผ่นไม้อัด เพื่อเป็นการยืดอายุการใช้งานให้ยาวนาน
  4. ในการใช้งานไม้อัดเคลือบฟิล์มดำควรใช้ทั้ง 2 หน้าสลับกันไป
  5. การเก็บรักษาไม้อัด ควรเก็บรักษาไม้อัดไว้ในที่ร่ม และทำให้แห้งอยู่เสมอ เพื่อเป็นการเพิ่มอายุในการใช้งานให้ยาวนานยิ่งขึ้น
  6. หากมีร่องรอยการชำรุดเล็กน้อย ควรซ่อมแซมให้เรียบร้อยซะก่อน ก่อนที่จะเก็บรักษา
  7. การเก็บรักษา ควรวางซ้อนกันให้เป็นคู่ ๆ
  8. ไม้อัดเคลือบฟิล์มดำควรทำสีกันน้ำที่ขอบไม้อัด ควรทำสีกันน้ำที่ขอบ 2-3 เที่ยว เพื่อป้องกันน้ำและเพิ่มอายุการใช้งาน
  9. ในการใช้งานไม้อัดเคลือบฟิล์มดำ หากไม้อัดแผ่นนั้น ๆ มีการเจาะหรือตอกตะปู ควรทำการอุดรูให้เรียบร้อยก่อนเก็บรักษา เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำซึมเข้าแผ่นไม้อัด
  10. หลังจากใช้งานไม้อัดเคลือบฟิล์มดำแล้ว ควรล้างเศษหิน เศษปูน หรือมีคราบสกปรกควรเช็ดหรือล้างทำความสะอาด และไม่ควรทำให้ฟิล์มดำที่เคลือบไว้เกิดความเสียหาย

การป้องกันสัตว์มีพิษเข้าบ้าน ช่วงหน้าฝน

ช่วงหน้าฝนแบบนี้ สัตว์มีพิษส่วนใหญ่ จะต้องการหาที่หลบภัยและ หลบฝน ยิ่งสถานที่ไหนมีน้ำท่วมด้วยแล้วก็ ควรระวังอย่างยิ่ง เพราะสัตว์มีพิษจะต้องหาที่อยู่และหลบน้ำ บ้านจึงเป็นทางเลือกอีกทางเลือกหนึ่ง ที่สัตว์มีพิษจะเข้ามาหลบ เพราะเป็นที่หลบฝน หลบน้ำได้ดี ดังนั้นเราเป็นเจ้าของบ้านควร หาวิธีป้องกันภัยอันตรายจากสัตว์มีพิษ ให้ดี

การป้องกันสัตว์มีพิษเข้าบ้าน ช่วงหน้าฝน

1.ทำความสะอาดรอบบ้าน
การทำความสะอาดบ้าน เป็นเรื่องพื้นฐานเริ่มต้น และช่วยป้องกัน สัตว์มีพิษ​ เข้ามาในบ้านได้อย่างง่ายๆ แถมยังทำให้บ้านที่เราอยู่อาศัยมีสุขลักษณะที่ดี เป็นระเบียบน่าอยู่อาศัยด้วย

2.ตรวจเช็คจุดอับของบ้าน
จุดอับ จุดลับตาที่เราไม่ค่อย ได้สังเกตุ จึงเป็นที่อยู่อาศัยที่ดีสำหรับสัตว์มีพิษที่ไม่ต้องการสิ่งรบกวน เราควรมั่นตรวจสอบดูแลทำความสะอาดให้ดี

3.ปิดจุดแตกร้าวของผนังบ้าน-รูโหว่ รอบบ้าน
บ้านใครมีรอยร้าวหรือ-รูโหว่ เป็นช่องทางที่สัตว์มีพิษจะเข้าบ้าน และ อาศัยเป็นที่อยู่ เราควรจัดการรอยแตกรอยร้าวให้เรียบร้อย

4.ตัดแต่ง-ดูแลกระถางต้นไม้
ตัดแต่งต้นไม้ ให้เป็นระเบียบ ไม่ให้รกหูรกตา หรืออาจจะตัด ไม่ให้ต้นไม้ กิ่งไม้เข้ามาบ้าน ซึ่งจะเป็นการช่วยให้ดูสะอาดและไม่เป็นช่องทางที่สัตว์จะเข้ามาด้วย

5.เลี้ยงสัตว์เลี้ยง
การเลี้ยงสัตว์ นอกจากจะมีความสุขทางใจ และมีสัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อนเล่นแล้ว สัตว์บางชนิด ยังมีประโยชน์ในการป้องกันสัตว์มีพิษเข้าบ้านได้อีกต่างหาก เช่น ไก่ จะกำจัดตะขาบ เมื่อพบเห็น เพราะตะขาบคืออาหารอันแสนอร่อยของไก่ หรือแม้แต่สุนัข อาจจะไม่ได้กินหรือกัดสัตว์มีพิษแต่ก็มักจะเป็นหน่วยเตือนภัยสัตว์เหล่านั้นได้เป็นอย่างดี เพราะสุนัขเจอสัตว์พิษ ก็จะเห่าส่งสัญญาณเตือนภัยให้เราได้รู้ล่วงหน้าเสมอ

6.ติดตาข่ายมุ้งลวด ทำรั้วทึบ
การติดตาข่ายมุ้งลวด ทำรั้วทึบ เป็นสิ่งที่จะช่วยไม่ให้สัตว์มีพิษเข้าบ้าน เราได้ดี แต่เราควรมั่นตรวจสอบ เสมอ เพื่อไม่ให้เกิดรอยขาดรอยรั้ว ต่างๆ ป้องกันสัตว์มีพิษเข้าบ้าน

7.ใช้สารเคมีโรยรอบบ้าน
สารเคมี ควรจะเป็นสิ่งสุดท้าย ที่ใช้สำหรับโรยรอบบ้าน ยิ่งเฉพาะบ้านไหนมีเด็กอ่อนหรือสัตว์เลี้ยง ควรใช้อย่างระมัดระวัง

 

เครดิตข้อมูล และ รูปภาพ
https://www.reviewyourliving.com/
https://thethaiger.com/
https://www.terminix.com/
homepro.co.th/

สีบ้านเก่า อยากทาสีใหม่ ต้องทำอย่างไรบ้าง

ผนังเก่า สีเริ่มซีดจาง ลอกล่อนเป็นฝุ่นผง เกิดคราบเชื้อราและตะไคร่น้ำ บ้านคุณมีอาการเหล่านี้หรือไม่
อาการเหล่านี้เป็นการส่งสัญญาณว่าสีทาบ้านเริ่มเสื่อมสภาพ ปกติอายุการใช้งานของสีทาบ้านแต่ละเกรดนั้นยาวนานไม่เท่ากันเฉลี่ยแล้วจะอยู่ที่ 5-15 ปี ยิ่งอยู่ในบริเวณที่มีสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงรุนแรงด้วยแล้ว ยิ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้สีเสื่อมสภาพเร็วขึ้นได้

1.การเลือกสีให้เหมาะสม ถ้าผนังภายนอก การเลือกสีทาบ้านที่มีความทนทานต่อสภาวะอากาศ ทั้งแดด ทั้งฝน จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่เจ้าของบ้านต้องพิจารณา

2. การเตรียมพื้นผิวก่อนการทาสี  การเช็คพื้นผิวก่อนทาสีเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะหากผนังไม่อยู่ในสภาพที่พร้อมจะทาสีใหม่อีกรอบ ปัญหาฟิล์มสีลอกล่อนก็จะตามมาเช่นเดิม

2.1. ให้สำรวจผนังและซ่อมแซม การฉาบปูนหากช่างไม่มีความชำนาญ บ่มปูนไม่ดี นอกจากจะเกิดปัญหารอยแตกลายตามมาแล้ว ยังอาจทำให้เกิดคราบเกลือบนผนัง ที่มีสาเหตุมาจากปูนสะสมความชื้นไว้แล้วค่อย ๆ คายออก หรือปัจจัยทางธรรมชาติอื่น ๆ เช่น เกิดคราบตะไคร่น้ำเนื่องจากบริเวณใกล้เคียงต้องสัมผัสกับความชื้น เกิดปัญหาสีหลุดร่อนเพราะความชื้นสะสมจากดิน ร่องรอยบนพื้นผิวอื่นๆ เช่น รูสกรู คราบน้ำ สีพอง ที่เราต้องจัดการให้เรียบร้อยก่อนลงมือทาสี หากผนังมีร่องรอยความเสียหายเหล่านี้ให้ทำการซ่อมแซมส่วนนี้ก่อนเป็นอันดับแรก

2.2.ตรวจสอบคุณภาพของผนังปูน ค่าด่างและค่าความชื้นต้องอยู่ในระดับที่เหมาะสม ตามธรรมชาติของปูนเมื่อได้รับความชื้นจากสภาพอากาศจะเกิดความเป็นด่างทำให้ผนังเกิดคราบเกลือชัดเจน จึงควรเช็คสภาพค่าความป็นด่างของพื้นผิวโดยใช้กระดาษลิสมัต (Litmus Paper) ตรวจวัดค่า ph ระดับที่เหมาะสมคือ ph 8 จะแสดงผลบนกระดาษลิสมัตเป็นสีเขียว อีกขั้นตอนคือตรวจสอบค่าความชื้นของผนัง เนื่องด้วยปัญหาความชื้นจะทำให้เกิดปัญหาสีบวม ลอกล่อน โดยใช้เครื่องมือวัดความชื้น (Moisture Meter) หากเป็นเครื่อง Kett รุ่น HI-520 ชนิดทาบจะแสดงผลไม่เกิน 6% ส่วนเครื่อง Protimeter Mini ชนิดเข็มจะแสดงผลไม่เกิน 14% เมื่อตรวจสอบสภาพผนังแล้วอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน

3. การทาสีรองพื้น  ก่อนจะทาสีรองพื้นเราต้องสังเกตพื้นผิวของสีเดิมว่า มีคราบน้ำอยู่หรือไม่ มีจุดไหนที่สีเกิดพองขึ้นหรือไม่ เพราะถ้ามี ต้องจัดการขูดสีทิ้งจนถึงพื้นผิวปูน ไม่เช่นนั้นแล้ว ทาสีไปกี่ครั้งๆ ก็เป็นการทาทับสีเก่าชั้นนอกสุดซึ่งไม่เกาะผนังปูนเลย ทาสีรองพื้นก็ไม่สามารถช่วยได้ จึงต้องทำความสะอาดพื้นผิวให้เรียบร้อย แล้วปรับสภาพพื้นผิวให้เรียบเสมอกับสีเก่าแล้วค่อยทาสีทับให้เรียบร้อย หากเป็นผนังใหม่ที่เพิ่งทาสีไปไม่นาน และผนังยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ แต่เพียงต้องการเปลี่ยนสีใหม่ให้ทาสีทับหน้าได้เลยไม่ต้องทาสีรองพื้น

 

 

เครดิตภาพและข้อมูล
https://www.baanlaesuan.com/
maisonentravaux

เลือกประตูห้องน้ำแบบไหนดี

ก่อนที่เราจะเลือกประตูห้องน้ำ เราควรรู้บอกช่างหรือคนขายให้รู้ก่อนว่า  เราจะใช้ประตูห้องน้ำภายในบ้านหรือภายนอกบ้าน ซึ่ง ประตูห้องน้ำภายนอกบ้านนั้น เราต้องเลือก ประตูห้องน้ำทีทนทานต่อการเจอทั้งแดดและฝน ส่วนประตูภายในบ้าน สามารถเลือกแบบที่เราต้องการได้แต่ขอให้มีความทนกันน้ำ ป้องกันความชื้น มีเกร็ด ระบายอากาศได้ดี

การเลือกประตูห้องน้ำภายนอกควรเลือกประตูพีวีซีที่เป็นสีขาว เพราะจะสามารถช่วยป้องกันแสงแดด และป้องกันการโก่งตัวเมื่อโดนแดดและโดนฝนมากๆ  การเลือกประตูห้องน้ำควรเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งาน ผิวหน้าของประตูพีวีซีหรือประตูห้องน้ำมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบคือ แบบผิวเรียบและแบบผิวลายเสี้ยนไม้ และผิวลายประตูห้องน้ำที่มักเลือกใช้กัน คือ ลายเซาะร่อง คือจะมีร่องข้างบนหรือข้างล่างเพื่อช่วยในการระบายอากาศ

ส่วนการเลือกประตูห้องน้ำภายในบ้านมีให้เลือกหลายรูปแบบหลายลายกว่าประตูห้องน้ำภายนอกบ้าน เราควรเลือกให้เหมาะสมกับโทนสีบ้านเพื่อความสวยงาม

การเลือกประตูห้องน้ำภายในบ้าน ความคำนึงถึง
1.กันน้ำและความชื้น
2.สามารถทำความสะอาดง่าย
3.มีเกร็ด ระบายอากาศได้ดี
4.ไม่มีปัญหาเรื่องปลวก มด และแมลงกวนใจ

ข้อดีของประตูพีวีซี
1. บานประตูส่วนมากเคลือบฟิล์มที่สามารถทนความร้อนได้ ทนความชื้นได้ ทำให้ประตูพีวีซีไม่โก่งตัว
2. กรอบประตูเป็นไม้สังเคราะห์ทำให้สามารถทนน้ำได้ดี
3. มีให้เลือกทั้งสีขาวและลายไม้
4. ตกแต่งขอบประตูได้ง่ายเนื่องจากเป็นไม้สังเคราะห์
5. มีโฟมหนาแน่นช่วยกันร้อน และกันน้ำได้เป็นอย่างดี
6. มีโครงสร้างประตูที่แข็งแรง และสามารถใส่ลูกบิดประตูได้ทั้ง 2 ด้าน

กระเบื้องมุงหลังคาใช้แบบไหนดี

บ้านของเราจะเสร็จและอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีกระเบื้องมุงหลังคาหรือไม่ได้มุงหลังคา ถ้าไม่ได้มุงหลังคา บ้านของเราจะไม่สามารถกันแดด กันฝน หรือกันสิ่งต่าง ๆ ที่จะตกหล่นใส่บ้านเราได้ กระเบื้องมุงหลังคามีหลายแบบ หลายสี หลายชนิด หลายยี่ห้อ หลายราคา แล้วเราจะเลือกแบบไหนให้เหมาะสมกับบ้านเราดี เหมาะสมที่ผมว่านี้รวมถึง ถูกใจ ถูกราคา สบายเงินในกระเป๋าได้อีกด้วย

1.กระเบื้องดินเผามุงหลังคา
เป็นกระเบื้องมุงหลังคาแผ่นเล็ก ๆ เช่น กระเบื้องว่าว กระเบื้องหางมน กระเบื้องดินขอรองรับด้วยระแนงขนาด 1”x1” วางห่างกันประมาณ 120 มม. เมืองมุงหลัคาแล้ววางทับซ้อนกันเกือบ 2 ชั้น น้ำหนักไม่มากนัก ปัจจุบันไม่นิยมใช้สำหรับบ้านพักอาศัย

2.วัสดุมุงหลังคาตามธรรมชาติ
คือ แป้นเกล็ดไม้สัก ใช้กับอาคารทางภาคเหนือ ลักษณะเป็นไม้แผ่นบาง ขนาดใกล้เคียงกับกระเบื้องดินเผา ปัจจุบันไม่มีการทำขึ้นมาอีก เพราะอายุการใช้งานจำกัด รั่วง่าย ไม่ทนไฟ และราคาแพงมาก

3.สังกะสี
เป็นวัสดุที่มีราคาถูก น้ำหนักเบา ลักษณะเป็นแผ่น มีหลายขนาด หลายสี และหลายราคาอีกด้วย  ราคาแตกต่างกันที่ลอน ลอนเล็กลอนใหญ่ และสีขาวสีเขียว ราคาก็จะแตกต่างกัน สังกะสีมีน้ำหนักเบา จึงประหยัดโครงสร้าง ติดตั้งและรื้อถอนได้เร็ว ไม่แตกหัก ข้อเสียคือ เป็นตัวนำความร้อนสูงมาก ทำให้กระจายความร้อนมาสู่อาคารได้อย่างรวดเร็ว เป็นสนิมง่าย ทำให้เกิดรูรั่ว และส่งผลให้มีอายุการใช้งานที่จำกัด

4.แผ่นเหลกเมทัลชีท หรือแผ่นโลหะเคลือบ
ส่วนมากใช้กับอาคารที่เป็นโกดังสินค้า โรงงาน สถานีบริการน้ำมัน โรงจอดรถ ทำให้อาคารไม่ร้อนเหมือนเก่า เพราะพัฒนาดีขึ้นมากจากสังกะสี

5.กระเบื้องไฟเบอร์ซีเมนต์
เป็นกระเบื้องมุงหลังคาที่นิยมมากในปัจจุบัน ซึ่งไม่มีใยหินเป็นส่วนผสมในกระเบื้องแล้ว จะมีทั้งกระเบื้องลอนคู่ กระเบื้องไตรลอน เป็นต้น

6.กระเบื้องโปร่งแสง
หรือกระเบื้องมุงหลังคาไฟเบอร์กลาสซึ่งผลิตมาจากใยแก้ว และ โพลิเอสเตอร์เรซิน แล้วเข้าเครื่องรีด ซึ่งจะออกมาเป็นแผ่นบาง ๆ บางเพียง1.2 มิลลิเมตร และยังเคลือบด้วยแผ่นฟิล์มพิเศษ มีคุณสมบัติในการป้องกันรังสีจากแสงแดด

7.กระเบื้องคอนกรีต
เริ่มมีการนำเข้ามาใช้เมื่อหลังคาบ้านทรงปั้นหยาได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก สามารถต้านทานต่อการพัดปลิวของแรงลมได้ และมีความแข็งแรงทนทานมากกว่ากระเบื้องไฟเบอร์ซีเมนต์

8.กระเบื้องเซรามิค
เป็นกระเบื้องมุงหลังคาที่เริ่มได้รับความนิยมแพร่หลายในกลุ่มลูกค้าผู้ทำการเลือกกระเบื้องหลังคาด้วยตัวเอง เพราะมีสีสันที่งดงาม ไม่ขึ้นรา เมื่อถูกชะล้างด้วยน้ำฝน ยังคงสภาถเหมือนใหม่เช่นเดิม

เราจะเลือกหลังคาบ้านให้เหมาะกับเราขึ้นอยู่กับความชอบ และโครงสร้างหลังคาเป็นส่วนประกอบด้วยนะครับ หรือที่นิยมกันก็เป็นบ้านหลังคาจั่วที่มีช่องระบายความร้อนได้อีกด้วย มันมีแบเป็นสีด้วย และปัจจุบันบันกระเบื้องมุงหลังคายังมีแบบสีมุกเมทัลลิคอีกด้วย เรียกว่ามองหลังคาแล้วแสบตากันเลยทีเดียว
การจะเลือกกระเบื้องมุงหลังคา ควรเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งานแต่ละสถานที่ และ ให้เหมาะสมกับงบประมาณของเราด้วย

เครดิตรูปภาพ
statewideroofingwichita.com

รู้จักไม้แบบก่อสร้าง

ไม้แบบก่อสร้าง คือ โครงสร้างชั่วคราวที่ทำจากไม้ ใช้สำหรับติดตั้งเป็นแม่แบบในงานหล่อคอนกรีตและคอนกรีตเสริม สำหรับโครงสร้างและส่วนประกอบต่าง ๆ ของอาคาร เช่น เสา คาน พื้น ถนน เป็นต้น โดยใช้ไม้แบบ จะมีหน้าที่รับน้ำหนักของคอนกรีต และสร้างขอบเขตในการเทให้คอนกรีตออกมาเป็นรูปแบบตามต้องการ

ไม้แบบจะเป็นลักษณะคล้ายไม้กระดานสำหรับปูพื้น ทำมาจากไม้กระบาก ไม้ยาง ไม้สน หรือไม้อัดประสานชนิดต่าง ๆ มีขนาดหน้ากวาง 6 , 8 และ 10 นิ้ว ความหนาทั่วไปของไม้โดยประมาณ 1 นิ้ว และมีความยาวเท่ากับระยะช่วงมาตรฐานหรือขนาดของห้องที่ได้รับความนิยมกัน คือ 2.5 , 3 , 3.5 หรือ 4 เมตร เพื่อให้พอดีสำหรับการติดตั้งไม้แบบในการหล่อคอนกรีต รวมถึงยังมีการใช้ในแผ่นไม้อัดเคลือบฟิล์ม ในการหล่อคอนกรีตอีกด้วย ชั้นฟิล์มพลาสติกที่เคลือบอยู่นี้จะช่วยป้องกันปูนไม่ให้ยึดติดแน่นกับแผ่นไม้ ทำให้ถอดแบบได้สะดวก และสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้อีก โดยแผ่นไม้อัดทั่วไปจะมีขนาด 1.2×2.4 เมตร และมีความหนา 10 , 15 หรือ 20 มิลลิเมตร นิยมใช้กระดานในส่วนของโครงสร้างเสา คาน หรือบันได ส่วนแผ่นไม้อัดจะใช้งานในส่วนของพื้นผิวมากอย่างเช่น ฐานราก ผนัง หลังคาดาดฟ้าหรือพื้น เป็นต้น

ไม้แบบสำหรับงานก่อสร้างมีมากมายหลายชนิด และการเลือกใช้งานไม้แบบแต่ละประเภทก็จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของการใช้งาน แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าไม้แบบประเภทไหนเหมาะสำหรับใช้งานอะไร

1.ไม้ยูคาลิปตัส
เป็นไม้ที่นำมาใช้ในการก่อสร้างในเรื่องของการเทพื้น ค้ำยันเสาเวลาเทพื้น รองปั้นจั่น ตอกเสา ทำเพิง ทำป้ายโฆษณา เพราะเนื้อไม้มีความแข็งแรง ทนทานและสามารถใช้ในการสร้างบ้านพันอาศัยชั่วคราวสำหรับคนงาน

2.ไม้เบญจพรรณ
เป็นไม้ผสมทั้งเนื้อแข็งและเนื้อ่ออน เป็นไม้ที่นิยมกันมากที่สุด โดยกรใช้งานใช้ทำแบบเสา ทำโครงสำหรับยึดแบบ เทพื้น ทำนั่งร้าน ทำแปหลังคา มีความคงทนปานกลาง

3.ไม้ยางมาเลย์
เหมาะสำหรับงานก่อสร้างเพราะมีลักษณะเฉพาะตัวที่เหมาะสม เป็นไม้เนื้อแข็ง ตีตะปูง่าย มีราคาไม่แพง และมีการนำเข้าส่งออกเป็นจำนวนมากในประเทศไทย เหมาะสำหรับทำแบบ ไม้หน้าสาม ไม้ฝ้า ไม้โครงต่าง ๆ โดยไม้ยางมาเลย์จะใช้งานได้ดีกว่าไม้เบญจพรรณ

4.ไม้กระบาก
เป็นไม้ที่นิยมใช้กันมากที่สุด เพระมีคุณภาพดี ไม่บิดงอ และสามารถใช้ซ้ำได้หลายครั้ง ทำงนง่าย ตีตะปูง่าย ใช้ทำแบบหล่อคอนกรีตได้ดี

5.ไม้เต็ง
เป็นไม้ที่มีสีน้ำตาลแก่แกมแดง เนื้อหยาบ มีความทนทาน เหมาะสำหรับทำหมอนรองรางรถไฟ ทำโครงสร้างอาคาร เหมาะกับงานตกแต่งภายในและภายนอก

6.ไม้ไผ่
ไม้ไผ่ในงานก่อสร้างมักจะใช้สำหรับนั่งร้าน โดยจะมีไผ่ตันซึ่งมีความแข็งแรง และไผ่นวลซึ่งมีลักษณะกลวงและใช้ร่วมสำหรับไม้ขันสน็อกและเชือกไนล่อนหรือเชือกฟาง

รู้จัก ประตูPVC และ ประตูuPVC

ประตูทั้ง 2 แบบนี้ หลายคนอาจคิดว่ามีความคล้ายคลึงกันอยู่บ้าง แต่แท้จริงแล้ววัสดุทั้ง 2 ประเภทมีคุณสมบัติที่ไม่เหมือนกันอยู่หลายจุด

ประตู uPVC
ผลิตโดยมีแกนภายในที่ทำจากไม้ วัสดุPVC หรือวัสดุชนิดอื่นตามแต่เลือกใช้ แล้วประกบด้วยบานประตู uPVC ทั้งสองด้าน จากนั้นนำ PVC มาติดเป็นขอบด้านข้าง ข้อดีของประตู uPVC คือ บริเวณผิวหน้าจะทนแดดทนน้ำ สามารถกันรอยขูดขีดได้ดี เพราะด้านในเป็นสีเดียวกับเนื้อ วัสดุ ลักษณะภายนอกมีผิวมันเงา โดยทั่วไปจะมีสีขาวดูสะอาดตา มักถูกนำไปตกแต่งใช้งานทำเป็นประตูห้องน้ำเพื่อกันน้ำ หรือใช้เป็นประตูภายนอกบ้านเพื่อกันความร้อนของแสงแดด

ประตู PVC
ผลิตโดยใช้ส่วนผสมของสารชนิดอื่นมาเพิ่มคุณสมบัติให้สามารถขึ้นรูปได้ดีขึ้น มีความยืดหยุ่นสูง จึงเป็นที่นิยมกันกว้างขวางและพบได้ทั่วไป ลักษณะทางกายภาพจะมีความหนาของโครงสร้างภายในบานประตูประมาณ 0.5-1 มม. ซึ่งหากมีความบางมากจะทำให้แตกหักได้ง่าย จึงมีการเสริมคิ้วขอบเพื่อให้ดูแข็งแรงขึ้น อย่างไรก็ตามข้อเสียคือไม่ทนทาน มีอายุใช้งานสั้น จึงเหมาะกับงานที่ใช้เพียงชั่วคราว หรือไม่เน้นความแข็งแรงมากนัก วัสดุที่ใช้สร้างอาคารบ้านเรือน เช่น รั้ว กรอบประตู-หน้าต่าง พื้น กระเบื้องยาง ท่อน้ำ ฉนวนหุ้มสายไฟ-สายโทรศัพท์

ประตู uPVC เป็นประตูที่มีความทนทานสามารถใช้งานได้ดี หาซื้อได้ง่าย ราคาถูก และยังทนทานต่อทุกสภาพอากาศ หากเลือกพิจารณานำไปใช้งานให้ถูกต้องเหมาะสมจะช่วยให้ประหยัดเวลา สามารถเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับการตกแต่งสร้างความสวยงามให้บ้านของท่านได้เป็นอย่างดี

เครดิตข้อมูล
https://www.baania.com/

ทำไมต้องใช้ประตูภายนอกผลิตภัณฑ์ของโพลีวูด

การที่เราจะเลือกประตูสำหรับใช้ภายนอกบ้าน เราควรคำนึงถึงปัจจัยหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะมีอายุการใช้งาน หรือแม้กระทั่งการป้องกันความชื้น ป้องกันปลวก แมลง รวมแม้กระทั่ง ความสวยงามที่จะเข้ากับตัวบ้าน
ปัจจุบันนี้ ประตูบ้านมีการผลิตขึ้นจากวัสดุที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น วัสดุธรรมชาติ อย่างไม้สัก ไม้เต็ง ไม้แดง  หรือไม่ว่าจะเป็น วัสดุทดแทนธรรมชาติ อย่างเช่น พลาสติก, uPVC , PVC , Fiberglass, Metal เราจึงต้องเลือกวัสุดที่เหมาะสมกับการใช้งาน ของบ้านเรา
ความต่างของประตู UPVC และ ประตูPVC
ประตูUPVC เป็นประตูPVC ที่วิธีการผลิตประตูต่างกันกับ ประตูPVC    ประตูUPVC จะเป็นประตูประกอบโดยมีโครงสร้างเป็นไม้หรือ PVC มีแกนภายในเป็นโฟมหรือวัสดุอื่นๆ เพื่อรับแรงแล้วปิดหน้าบานด้วยแผ่น PVC ที่ปั้มขึ้นรูปเป็นลายของประตู นำแผ่นPVCที่ได้มาติด ทั้ง 2 ด้านด้วยกาว ประตูUPVC จึงมีคุณสมบัติที่กันน้ำที่ผิวหน้าได้ดี มีสีในเนื้อวัสดุ โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นสีขาว ผิวเป็นเงาเป็นมัน ทาสีไม่ได้ มักใช้เป็นบานประตูห้องน้ำหรือประตูภายนอกบ้าน
ทำไมต้องใช้ประตูภายนอกผลิตภัณฑ์ของโพลีวูด

ด้วยโครงประตู uPVC (Vinyl)ของโพลีวูด ที่ อัดแน่นด้วยโฟมโพลีสไตรลีนชนิดพิเศษ โครงไม้สังเคราะห์แข็งแรง ทนทาน ตลอดทั้งบาน   ทำให้ความหนาแน่นสูง สามารถป้องกันความร้อนและเสียงรบกวนได้ค่อนข้างจะดี  พร้อมด้วยการมีลวดลายให้เลือกที่หลากหลายเหมาะกับตัวบ้าน

 

คุณสมบัติพิเศษ
  • โครงสร้างประกอบด้วยโครงไม้สังเคราะห์ช่วยเสริมความแข็งแรง คงทน
  • ป้องกันความร้อนไม่ลามไฟ และ ป้องกันเสียงจากภายนอก
  • สามารถปรับแต่ง บากไสได้ไม่เกินข้างล่ะ 5 มม.
  • ผิวสัมผัสเป็นแบบผิวเสี้ยน สวยตลอดทั้งบาน
  • หมดปัญหาเรื่อง ปลวก มด และ แมลงมากวนใจ
  • กันแดด และ ป้องกันรังสี UV
  • สามารถใช้ได้ทั้งภายนอกและภายใน

ใช้ปูนกาวซีเมนต์ยี่ห้อไหนดี

ปูนกาวปูกระเบื้องมีมากมายหลายแบรนด์หลายยี่ห้อ และแต่ละแบรนด์ก็มีหลายเกรดหลายราคา ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ในการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นปูกระเบื้อง ปูกระเบื้องแกรนิตโต้ ปูกระเบื้องห้องน้ำ ปูผนัง หรือปูทับกระเบื้องเก่า ก็จะใช้ปูนกาวเกรดพรีเมี่ยมที่เราไม่ต้องเลาะกระเบื้องเก่าออก และสามารถปูทับกระเบื้องเก่าได้เลย แต่ปูนกาวเกรดพรีเมี่ยมนี้จะราคาแพงกว่าปูนกาวที่ใช้ปูกระเบื้องทั่วไป

เครดิตรูปภาพ https://www.builk.com/

ปูนกาวซีเมนต์ปูกระเบื้องมีหลายยี่ห้อหลายแบรนด์ เช่น

  • ปูนกาวตราจระเข้
  • ปูนกาวตราตุ๊กแก (หรือปูนกาวเวเบอร์)
  • ปูนกาวตราเสือ
  • ปูนกาวตราทีพีไอ
  • ปูนกาวตราเดฟโก้

ปูนกาวปูกระเบื้อง ก็คือ ปูนกาวซีเมนต์เอาไว้ติดกระเบื้องหรือปูกระเบื้อง การก่อสร้างบ้านสมัยก่อนไม่มีปูนแบบนี้ ช่างเขาก็เอาปูนก่อ-ฉาบนี่แหละใช้ปูกระเบื้อง ถ้าเป็นกระเบื้องพื้นก็ใช้ปูนผสมทราย ถ้าเป็นปูนผนังก็ใช้ปูนเค็ม (ปูนซีเมนต์ผสมน้ำไม่ผสมทราย)

ปัจจุบันมีการผลิตปูนกาวซีเมนต์สำหรับปูกระเบื้อง ฉีกถุงแล้วผสมน้ำให้ปูนกาวมันเหนียว ๆ ก็ใช้ได้เลย กระเบื้องก็ติดทนนาน สวยงาม

ถ้าถามว่าปูนกาวซีเมนต์หรือปูนกาวปูกระเบื้องยี่ห้อไหนดี แต่ละยี่ห้อ ก็จะมีสูตรของตัวเอง ผสมกาวให้มันเหนียว ๆ กว่ากัน สูตรใครสูตรมัน หรือปูนกาวที่สามารถปูทับกระเบื้องเก่าได้ ก็แค่เพิ่มกาวเหนียว ๆ ให้มากกว่าเดิม แล้วตั้งราคาขายให้แพงกว่าปูนกาวปูกระเบื้อง ถ้าถามช่างแต่ละคนก็ตอบไม่เหมือนกัน แล้วแต่ช่างจะติดยี่ห้อไหน ถ้าเป็นช่างชาวบ้านต่างจังหวัดทั่วไปจะติดปูนกาวตราเวเบอร์ ซะมากกว่า เพราะถุงสีสันสวยงามกวายี่ห้ออื่น แต่ถ้าเป็นช่างมาจากกรุงเทพจะติดปูนกาวตราจระเข้มากกว่า

ส่วนเราควรจะเลือกใช้ปูนกาวซีเมนต์ยี่ห้อไหนดี  ปูนกาวแต่ละยี้ห้อมีลักษณะคล้ายกัน ขึ้นอยู่กับความถนัดของช่างแต่ละคนในการผสมสูตร  ส่วนถ้าเราจะซื้อมาใช้เอง แนะนำให้เลือกตามวัตถุประสงค์การใช้งานและถามทางร้านขายปูนกาวซีเมนต์ในวัตถุประสงค์ที่เราต้องการใช้ จะได้ตรงกับสิ่งที่เราต้องการ

เครดิตรูปภาพ;https://tsksuphan.com/

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า