ในงานโครงสร้างต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น อาคาร บ้านเรือน ในปัจจุบันล้วนแล้วแต่ต้องใช้โครงสร้างที่ทำจากเหล็กแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นโครงเหล็ก โครงหลังคา หรือโครงสร้างที่ต้องการความแข็งแรงล้วนแต่มีเหล็กเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งสิ่งที่จะตามมาหลังจากใช้โครงสร้างเหล็กคือ สนิม ดังนั้นการใช้เหล็กเคลือบกัลวาไนซ์จึงเป็นหนึ่งวิธีที่ช่วยลดการเกิดสนิม และเพิ่มอายุการใช้งานของโครงสร้างนั้น ๆ มากขึ้นหลายเท่าตัว
เหล็กเคลือบกัลวาไนซ์คืออะไรและกันสนิมได้อย่างไร
อย่างที่ทราบดีว่าโครงสร้างเหล็กเมื่อใช้ไปนาน ๆ ตามอายุการใช้งานจะมีการเกิดสนิมขึ้นอย่างแน่นอน โดยเฉพาะโครงสร้างที่มีความเสี่ยงในการโดนน้ำก็จะยิ่งมีโอกาสเกิดสนิมได้เร็วขึ้น ดังนั้นจึงมีการคิดค้นนวัตกรรมสำหรับป้องกันการเกิดสนิมขึ้นมาหลายต่อหลายอย่าง ซึ่งเหล็กเคลือบกัลวาไนซ์ก็เป็นหนึ่งในนั้น
กระบวนการทำของเหล็กเคลือบกัลป์วาไนซ์คือ การนำเหล็กทั่วไปที่จะนำไปใช้งาน มาชุบเคลือบผิวนอกด้วยสังกะสีเหลว ซึ่งวิธีนี้เรียกว่า การชุบร้อนหรือ Hot – Dip Galvanized โดยจะเป็นการนำเหล็กไปผ่านขั้นตอน กำจัดคราบไขมัน , จุ่มน้ำ , จุ่มกรด , จุ่ม Flux , จุ่มสังกะสีหลอมเหลว และจุ่มน้ำ ตามลำดับ
โดยวิธีนี้จะช่วยให้เหล็กที่อยู่รอบนอกถูกเคลือบไปด้วยสังกะสี โดยชุด 1 ครั้งมากกว่า 100 ไมครอนขึ้นไป ซึ่งคุณสมบัติของสังกะสีโดยทั่วไปจะเป็นสนิมได้ยากกว่าเหล็กอยู่แล้ว เมื่อเหล็กจะมีการเกิดสนิมตัวกัลวาไนซ์ที่เคลือบอยู่จะเกิดสนิมก่อนเหล็ก ซึ่งทำให้เหล็กไม่ผุกร่อนและใช้งานได้ยืนยาวมากยิ่งขึ้น โดยทั่วไปแล้วอายุการใช้งานจะเพิ่มขึ้น 10 ถึง 20 ปี โดยไม่ต้องทาสีกันสนิมเลย
ข้อดีของการใช้เหล็กเคลือบกัลวาไนซ์
1. มีความคงทนใช้งานได้ยาวนานโดยเคลือบ 1 ครั้งสามารถยืดอายุการใช้งานมากถึง 10 ถึง 20 ปี
2. เนื่องจากเป็นการเคลือบตลอดตัวเหล็ก ทำให้ทุกส่วนของเหล็กมีความหนาของกัลวาไนซ์เท่า ๆ กัน ไม่ต้องมีความเสี่ยงว่า อันไหนที่เคลือบมากกว่าหรือน้อยกว่า
3. มองจากภายนอกแล้วดูสวยงาม เนื่องจากเป็นสีของสังกะสีทำให้มีการสะท้อนแสงและเงา ดูสวยงามโดยเฉพาะโครงสร้างที่อยู่ในร่มและมองเห็นได้
ข้อสังเกตที่ต้องรู้ก่อนเลือกใช้ เหล็กเคลือบกัลวาไนซ์
1. เนื่องจากงานเหล็กเคลือบกัลวาไนซ์ เป็นการเคลือบตลอดทั้งตัวเหล็ก ทำให้ไม่เหมาะกับงานที่จะต้องมีการตัดเหล็ก เจาะเหล็ก หรือเชื่อมเหล็กเยอะ ๆ เพราะเมื่อตัดหรือเจาะส่วนที่ตัดออกไป ก็จะเผยให้เห็นตัวเนื้อเหล็กซึ่งบริเวณนั้นไม่ได้มีการเคลือบกัลวาไนซ์ ทำให้หน้าตักที่โดนตัดตรงนั้นอาจเกิดสนิมขึ้นเร็วกว่าส่วนอื่น ซึ่งปกติแล้วจะเป็นบริเวณข้อต่อด้วยทำให้มีโอกาสสึกหรอได้มากขึ้น
2. เนื่องจากตัวกัลป์วาไนซ์หากโดนความร้อนสูงหรือมีการเชื่อม ไอที่ออกมาจากกันวันไหนจะเป็นพิษต่อร่างกาย ทำให้ตัวช่างหรือคนที่ทำงานหน้างานมีโอกาสเกิดอันตรายขึ้นได้ นอกจากนี้หากมีการเชื่อมก็จะทำให้คุณสมบัติของกัลวาไนซ์ หายไปเช่นกัน
ดังนั้นเพื่อป้องกันปัญหานี้ ควรที่จะทำงานแบบมีการเชื่อมหรือจำเป็นต้องใช้การเชื่อมจริง ๆ ก็ให้เตรียมการป้องกันแก๊สพิษเอาไว้ให้ดี เมื่อเชื่อมเสร็จแล้วก็หากัลวาไนซ์แบบกระป๋องมาทาทับหรืออาจใช้สีกันสนิมมาทาทับรอยเชื่อมก็ได้
จากข้อสังเกต 2 ข้อที่ผ่านมาจึงสรุปได้ว่า จุดเด่นของกัลป์วาไนซ์คือ เรื่องความแข็งแรง ความทนทาน อายุการใช้งาน มีจุดอ่อนที่งานช่างที่ซับซ้อน ดังนั้นจึงเหมาะกับงานประเภทที่ต้องมีการทำโครงสร้างมาก่อนจากโรงงาน และทำการระบุให้กับโรงงานว่า เมื่อขึ้นโครงเสร็จแล้วให้นำโครงไปชุบกัลวาไนซ์ทีหลัง หรือตระเตรียมเหล็กแต่ละส่วนตามแบบแปลนให้เรียบร้อยก่อนจะชุบไม่ว่าจะเป็นการตัดการเจาะรูเพื่อขันนอตก็ตาม จากนั้นก็ใช้ตัวนอตที่เชื่อมกัลวาไนซ์เช่นกัน ในการก่อสร้างแบบนี้ตัวเล็กก็จะไม่มีปัญหาเรื่องรอยต่อหรือรอยสักอย่างที่กล่าวมาข้างต้น
โดยสรุปแล้วเหล็กเคลือบกัลวาไนซ์ถือเป็นหนึ่งตัวเลือกที่ดีมากสำหรับใครก็ตามที่ต้องการจะใช้งานโครงสร้างเหล็ก และต้องการจะป้องกันสนิมในระยะยาวเพื่อยืดอายุการใช้งานตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป โดยเหล็กเคลือบกัลวาไนซ์เหมาะกับงานประเภทโครงสร้างสำเร็จรูป ที่มีการออกแบบและขึ้นรูปมาตั้งแต่ที่โรงงานแล้ว
ข้อแนะนำ งานโครงสร้างเหล็กเคลือบกัลวาไนซ์ จะเหมาะมากกับสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ใกล้กับชายทะเล เนื่องจากเหล็กที่อยู่ใกล้กับชายทะเลหากเป็นสนิมขึ้นแม้แต่นิดเดียว ตัวสนิมจะลามเร็วมาก ดังนั้นจึงเหมาะกับการใช้เหล็กเคลือบกัลป์วาไนซ์
มากกว่าการใช้สีกันสนิมแบบทั่ว ๆ ไป เพราะสามารถยืดอายุการใช้งานได้ถึง 10 ปี แต่ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับความชอบและรสนิยมของเจ้าของบ้านเช่นกัน